แน่นอนว่าตอนนี้ทางผู้พัฒนาได้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาประสบการณ์การเล่นแบบ Multiplayer ที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีและเป็นไปตามกำหนดเวลา ตัวอย่างสำหรับซีซั่นที่ 6 นั้นให้ความรู้สึกที่ว่า Invasion จะเป็นการอัปเดตที่ครอบคลุม โดยมีภารกิจ Co-op Story Missions สามภารกิจจากที่กล่าวมา ซึ่งมีให้เลือกซื้อในราคาชุดละ $15 (ประมาณ 517 บาท) หรือ $40 (ประมาณ 1,380 บาท) นอกจากนี้ยังเพิ่มโหมดเกมใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Flashpoint ซึ่งผู้เล่นจะต้องต่อสู้ทั่วทั้งแผนที่เพื่อยึดตำแหน่งสำคัญสามแห่งให้ได้ก่อนทีมตรงข้าม

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าจุดสนใจหลักของซีซั่น 6 จะเป็นภารกิจเนื้อเรื่อง ที่ผู้เล่นจะต้องเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมไปด้วยกันในการผจญภัยแบบ Co-op เพื่อต่อสู้กับกองกำลังของ Null Sector ในริโอเดจาเนโร โตรอนโต และโกเธนเบิร์ก ในขณะที่ผู้เล่นนั้นรู้อยู่แล้วว่าโหมดแคมเปญได้เปลี่ยนเป็นโหมดผู้เล่นหลายคนเท่านั้น ซึ่งทวีตของผู้อำนวยการสร้างและบริหารอย่างคุณ Jared Neuss จึงได้ออกมายืนยันว่า Story Missions ใน Overwatch 2 จะเปิดตัวในรูปแบบเนื้อหาแบบ Co-op (ไม่มี Single Player) นอกจากนี้ ผู้เล่นที่ขาดหายไปในระดับความยากและภารกิจที่ดำเนินอยู่จะถูกแทนที่ด้วยบอทในกรณีที่คิวนั้นยาวเกินไป
จากความไม่ไว้วางใจในปัจจุบันระหว่างคอมมูและผู้พัฒนา ผู้เล่นหลายคนรู้สึกว่าการอัปเดต Invasion ของ Overwatch 2 เป็นโอกาสสุดท้ายของ Blizzard ในการปรับแนวทางให้ถูกต้อง เนื่องจากภารกิจ Story ที่มีกำหนดเปิดตัวในซีซั่นที่ 6 จะต้องปรับราคาให้เหมาะสม เพราะ Overwatch 2 เคยประกาศพร้อมในช่วงแรกว่าตัวเกมจะเน้นไปที่แคมเปญ PvE เป็นจุดขายหลัก ดังนั้นเกมจึงจำเป็นต้องนำเสนอเนื้อเรื่องให้มากขึ้นเข้ามาแทนที่

แม้ว่าแฟน ๆ Overwatch 2 จะรู้สึกเศร้าไปซักนิดกับข่าวของซีซั่น 6 ในช่วงนี้ แต่ผลสืบเนื่องของเกมยิงฮีโร่ของ Blizzard ยังคงมีรูปแบบการเล่นที่น่าตื่นเต้นพร้อมศักยภาพในการเติบโตอีกมาก และเมื่อซีซั่นที่ 6 เปิดตัวในวันที่ 10 สิงหาคม คงต้องดูกันต่อไปว่าสิ่งที่ทาง Overwatch 2 ได้มอบประสบการณ์ของ Co-op Story Missions จะเพียงพอที่จะเยียวยาหัวใจแฟน ๆ ได้หรือไม่