Cyberpunk 2077 นั้นเป็นเกม RPG ที่มีเนื้อหาและวิธีการเล่นหลากหลายมากมาย หนึ่งในเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจคือเรื่องของความแรง ความเสียหายต่างๆ ที่เราเรียกกันว่า Damage Modifier นั่นเอง วันนี้เราจะมาอธิบายเรื่องที่ว่านี้ให้เข้าใจกันได้ง่ายๆ เพื่อนำไปปรับใช้ในเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดครับ
ประเภทของความเสียหายต่างๆ ในเกม

ก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนว่าในเกมนี้มีความเสียหายหรือ Damage รูปแบบไหนกันบ้าง โดยแบ่งออกเป็ฯสี่ประเภทดังนี้
- Physical หรือกายภาพ เป็นความเสียหายรูปแบบที่เห็นได้ทั่วไป เกิดได้ทั้งจากอาวุธปืน อาวุธประชิด และทุกๆ อย่าง
- Thermal ความเสียหายจากความร้อน เช่นไฟ
- Electrical ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากไฟฟ้า
- Chemical ความเสียหายจากสารเคมีหรือสารพิษต่างๆ
ซึ่งความเสียหายทั้งหมดสี่แบบนี้ Physical หรือกายภาพนั้นคือความเสียหายที่การันตีว่าศัตรูที่โดนคือเจ็บแน่นอน ยกเว้นแต่ว่าจะติดเกราะหรือการป้องกันแบบอื่นๆ และในอาวุธส่วนใหญ่ก็จะมีตัวคูณทางด้านความเสียหายอื่นๆ ติดมาด้วยแบบสุ่ม
สำหรับความเสียหายเพิ่มเติมนี้จะมาจากทั้งอาวุธและ Cyberware ที่เราติดตั้งเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ความเสียหายทางด้านสถานะ(Status Effect)
.jpg?versionId=mV0.BgIiJ_kfjyBLjllY_8_Ukf_JwTqu)
ความเสียหายทางด้านสถานะหรือ Status Effect เป็นเสมือนกับการติดสถานะผิดปกติเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง เช่นติดพิษจาก Chemical Damage โดนช๊อตไฟฟ้าจาก Electrical หรือล้มลง (Knockdown) จากการถูกฟาดด้วยอาวุธประชิด ทั้งหมดนี้คือ Status Effect ที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้นั่นเอง
แล้วจะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?

อย่างที่เราได้เห็นไปว่า อาวุธต่างๆ มีการสร้างความเสียหายจาก Damage Modifiers แบบต่างๆ ชุดเกราะและ Cyberware เองก็มีคุณสมบัตืในการป้องกันสิ่งเหล่านี้เช่นกัน และศัตรูแต่ละประเภทในเกมนี้ก็มีค่าความต้านทานกับความอ่อนแอในแต่ละอย่างแตกต่างกันไป รวมไปถึงตัวของผู้เล่นด้วยเช่นกัน
และการเรียนรู้ใช้อาวุธที่มีการสร้างความเสียหายในรูปแบบที่ศัตรูอ่อนแอก็เป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นใช้มันให้คุ้มค่าและเรียนรู้ตามไปด้วยจะดีที่สุด สแกนดูให้รอบก่อนใช้อาวุธที่เหมาะสมในการปราบศัตรูต่อไป
Weapon Modifiers

นอกจากเรื่องของความเสียหายที่มีตามปกติแล้ว อาวุธแต่ละประเภทเองก็มีการเพิ่มตัวคูณหรือ Modifier ในด้านความเสียหายแบบต่างๆ แยกย่อยออกมาอีกเช่นกัน เช่นเพิ่มโอกาสในการเกิด Critical Hit, ความแรง Critical เป็นต้น สำหรับอาวุธปืนหรือ Firearms แต่ละชนิดนั้นจะมี Modifier เพิ่มมาดังนี้
- Power Firearms: Crit chance, Crit Damage, Headshot Damage, Ricochet Damage
- Tech Firearms: Crit chance, Crit Damage, Headshot Damage, charge time, charge multiplier
- Smart Firearms: Crit chance, Crit Damage, Headshot Damage
- Melee Weapons: Crit chance, Crit Damage, attack speed, stamina cost reduction.
สำหรับอาวุธประเภทอื่นๆ ก็จะมีการแบ่งแยกย่อยออกไปอีกตามตารางด้านล่างนี้ ซึ่งแต่ละปรเภทจะมีตัวคูณในเรื่องของความเสียหายแบบ Headshot และอื่นๆ ไม่เหมือนกัน
ประเภทของอาวุธ |
Multiplier หรือตัวคูณ |
Pistol |
Headshot x1.2 |
Revolver |
Headshot x2.5 |
Precision Rifle |
Headshot x1.5 |
Tech Prosion Rifle |
Charged Shot x1.05 |
Sniper Rifle |
Headshot x4 |
Shotgun |
Headshot x1 |
SMG & LMG |
Headshot x0.85 |
Assault Rifle |
Headshot x0.85 |
ส่วนอาวุธระยะประชิดนั้นจะทำความเสียหายตามค่าความแรงที่มีอยู่อาวุธชิ้นนั้น ซึ่งจะมีการเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงไปตามตัวคูณทางด้านความเสียหายแบบอื่นๆ เพิ่ม เช่น Electrical เป็นต้น
เรื่องอื่นๆ ที่ควรรู้ของอาวุธระยะประชิดก็คือ เมื่อป้องกันการโจมตีได้ความเสียหายจะลดลง 50% การโจมตีแบบค้างจะเพิ่มพลังเป็น 200% สำหรับอาวุธดาบหรืออาวุธไม่มีคม ส่วนมีดจะสร้างความเสียหายเพิ่มได้จาก 200% - 400% ส่วนการโจมตีเป็นชุดจะมีความแรงอยู่ที่ประมาณ 100%
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการสแกนศัตรู

การแสดงสถานะของศัตรูจากการสแกนนั้นขึ้นอยู่กับ Cyberware และสกิลที่เราตั้งเอาไว้เป็นสำคัญ แต่ข้อมูลทั่วไปที่เราสามารถรับรู้ได้นั้นก็มีดังต่อไปนี้
- Damage Type(s): ประเภทของความเสียหายที่ศัตรูตัวนั้นทำได้
- Resistances: ค่าความต้านทานของธาตุแบบต่างที่ศัตรูตัวนั้นมี
- Predicted Threat: ค่าความอันตรายของศัตรูตัวนั้น ยิ่งสูงก็หมายถึงอันตรายมาก
- Threat Reduction Hint: การบอกใบ้ว่าศัตรูตัวนี้ควรรับมือแบบไหน วิธีอะไรเหมาะกับการต่อกร
- Weak Spot(s): จุดอ่อนที่สร้างความเสียหายมากที่สุดของศัตรูตัวนั้น ถ้าโจมตีเข้าก็จะทำให้ได้เปรียบมาก
แล้วเราจะเพิ่มค่าความต้านทานต่างๆ ขึ้นมาได้อย่างไร?

เรื่องนี้ตอบได้ง่ายมาก แค่สวมเกราะหรือเสื้อผ้าที่มีค่าความต้านทานการโจมตีแบบต่างๆ หรือพลังป้องกันสูงเข้าไว้ ทุกส่วนล้วนมีความสำคัญหมด แต่ในตอนนี้หลายคนอาจจะรู้สึกเซ็งที่ค่าสถานะของเสื้อผ้าที่ใส่นั้นช่วงสวนทางกับความเข้ากันเสียเหลือเกิน ถ้าอยากเอารอดให้นานๆ ก็ทำใจในเรื่องนี้ไปก่อนละกัน