ซีรี่ยส์เกมฟุตบอลที่ทั่วโลกรอคอยกลับมาให้ได้เล่นกันอีกครั้งใน FIFA 21 ซึ่งจริงๆ ทางค่าย EA ก็มีออกภาคใหม่มาให้เราได้เล่นกันทุกปีเป็นประจำอยู่แล้ว โดยในแต่ละภาคก็จะมีการปรับปรุงหรือใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาเสมอ และในภาคนี้ก็เช่นกัน แต่หลักๆ แล้วมันเหมือนกับพัฒนาออกมาเพื่อแก้จุดบกพร่องกับปัญหาที่เจอมาในภาคก่อน โดยวันนี้เรามีรีวิวของเกมนี้มาให้อ่านกันด้วยครับ
.png?versionId=MHwQjadvUr3ir89hG.83XAGsfoSt96gi)
กราฟิกที่เหมือนจะดูดีแต่ไม่ละเอียดเท่าค่ายคู่แข่ง
ก่อนที่จะไปดูรายละเอียดพวกโหมดหรือ Gameplay ขอหยิบยกประเด็นเรื่องกราฟิกขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก FIFA 21 ยังคงใช้เอนจิ้น Frostbite ในการพัฒนาซึ่งทางทีมพัฒนาบอกว่ามันถูกปรับปรุงให้แสดงผลออกมาสวยงาม และมีรายละเอียดที่ดีขึ้น แต่ส่วนตัวแล้วหลังจากที่ลองเล่นดูพบว่ามันแทบจะไม่ต่างจากในภาคก่อนเท่าไหร่นัก และเมื่อมองในส่วนของรายละเอียดหน้าตานักเตะแล้วทางค่ายคู่แข่งกลับดูดีและมีรายละเอียดที่เหมือนกับตัวนักเตะจริงๆ เสียมากกว่า ทำให้แอบคิดเล่นๆ ว่าในภาคต่อจากนี้ถึงเวลาหรือยังที่ EA จะเปลี่ยนเอนจิ้นไปใช้ตัวอื่น หรือปรับปรุงเอนจิ้นของตัวเองให้ดีกว่าคู่แข่ง เพราะ Konami เองก็หันไปใช้ Unreal Engine 5 ไปแล้ว
.png?versionId=Cgr2JJfvOqkeowt3PkUz1qmHMm8xJ05C)
.png?versionId=DSFFZPynrqxe5cCHNbl8fQBtfV4kgZHc)
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่ากราฟิกใน FIFA 21 มันจะดูแย่จนรับไม่ได้นะครับ ตัวเกมยังทำได้ดีในแบบของ FIFA ทั้งการเคลื่อนไหวของนักเตะ สีหน้าท่าทาง ไปจนถึงหญ้าหรือบรรยากาศของสนามต่างๆ และแน่นอนกราฟิกดูดีกว่าภาคที่แล้วด้วย

การมาของ Agile Dribbling ทำให้ FIFA 21 น่าเล่นกว่าภาคที่แล้ว
ถ้าจะยกหัวใจหลักของ FIFA 21 ขึ้นมา สิ่งที่เป็นไฮไลท์และส่งผลต่อ Gameplay ในภาคนี้มากที่สุดคงต้องพูดถึง Agile Dribbling (กดปุ่ม R1 ขณะเลี้ยง) มันเป็นระบบที่ทำให้เราสามารถที่จะเลี้ยงลูกบอลแบบติดฝ่าเท้าด้วยความคล่องแคล่ว รวดเร็ว และยากต่อการเข้าสกัด ให้นึกภาพของเมสซี่เวลาลากเลื้อยแล้วบอลติดเท้าไปกับตัวแบบสุดพลิ้วนั่นแหละครับ มันคือของดีสำหรับฝ่ายบุกแต่เป็นฝันร้ายชัดๆ สำหรับฝ่ายป้องกัน ไม่เชื่อก็ลองไปเล่นกับ AI ที่มีสตาร์ดังๆ แล้วสู้ในระดับความยาก World Class หรือ Legendary ดูครับ รับรองสยองแน่นอน
.png?versionId=zC5ynM2RHM.xk2ebzmyYUqQIkSqBabR0)
ยังไม่หมดแค่นั้นสำหรับฝั่งบุก EA ยังใส่ Creative Run เข้ามาให้ผู้เล่นที่เป็น AI ในทีมเรานั้นที่ปกติจะคอยวิ่งหาช่องทำทางอยู่แล้ว สร้างความปั่นป่วนให้กับกองหลังฝ่ายตรงข้ามไปอีกขั้น เพราะเราสามารถกดปุ่มสั่งเลือกเส้นทางให้ AI ของเราวิ่งไปตามช่องที่กำหนดได้อย่างอิสระ โดยการกดปุ่ม L1 ค้างไว้แล้วดันก้านอนาล็อกขวาในทิศทางที่เราอยากให้วิ่งไป เพื่อสร้างสรรค์เกมบุกในแบบที่เราต้องการได้นั่นเอง

ในขณะเดียวกันฝั่งรับก็มีการปรับปรุงระบบ Defending ขึ้นมาบ้างพอให้มีกำลังใจเล่นเกมรับ AI กองหลังมีการวิ่งประกบกับวิ่งไล่คู่แข่งกันดีขึ้น การแหย่เท้าเพื่อสกัดก็ได้ผลดีขึ้น แม้ว่ากองหลังคนนั้นจะมีค่าความเร็วที่ต่ำหรืออยู่ในระดับกลางๆ ก็ตาม ส่วนผู้รักษาประตูเองก็ดูจะเพิ่มความสามารถในการป้องกันที่ดีขึ้น การปัดบอลหรือชกบอลต่างๆ ก็ไม่โง่เหมือนภาคก่อนที่ปัดไปให้ฝั่งตรงข้ามยิงซ้ำได้ทุกที
.png?versionId=Cs_HqDBu45eTvTwooInsRyBJ.7lpL9zi)
โหมด Ultimate Team ที่เอื้อประโยชน์ต่อสายฟรีมากขึ้น
ปกติแล้ว Ultimate Team นี่ถือเป็นโหมดที่ดูดเงินและทำรายได้ให้กับ FIFA มาทุกภาค แต่ในภาคนี้ต้องขอชมครับว่าสายฟรีนั้นเล่นกันได้แบบสะดวกสบายขึ้น เพราะมีการเพิ่ม Objective หรือระบบภารกิจต่างๆ เข้ามาให้เราได้ทำเพื่อรับของรางวัลอย่างต่อเนื่อง มีตั้งแต่ภารกิจง่ายๆ ไปจนถึงภารกิจที่ท้าทายฝีมือของผู้เล่น แถมไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าการเปิดการ์ดหรือระบบกาชาในโหมดนี้ดูจะเปิดได้ของรางวัลดีๆ ง่ายขึ้นด้วย
สำหรับ Ultimate Team ต้องขอชมว่ามีการออกแบบ UI กับหมวดหมู่ต่างๆ ให้ใช้งานกันง่ายขึ้นไม่ซับซ้อน ส่วนการเล่นก็ยังคงรูปแบบเดิมเหมือนภาคก่อนๆ ให้เราได้ค้นหานักเตะ ซื้อขาย แลกเปลี่ยน เปิดกาชา เพื่อมาสร้างเป็นทีมที่แข็งแกร่งแล้วไปลุยกับ AI หรือลุ้นกับผู้เล่นคนอื่นๆ จากทั่วโลกก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เราสามารถปรับแต่งสนาม เปลี่ยนสีสนาม กับติดป้ายผ้าผืนใหญ่ๆ ตกแต่งสนาม รวมไปถึงเสียงกองเชียร์ได้อีกด้วย
.png?versionId=dmthLr2.pSqr8Q8BE2.2c2R.S6g_5PRJ)
.png?versionId=iT.mCbCbk.yItQGDSZ9Lz7pXDIULXx9Y)
.png?versionId=nuFqctfNXiHDxzbLr3WZrN.oyuNKKZIJ)
.png?versionId=JnxFRt3_TxwsAnzYcBSsYHoQ5SNLtmOC)
VOLTA สตรีทฟุตบอลที่น่าเล่นสุดๆ
สำหรับโหมด VOLTA หรือรูปแบบการเล่นแบบสตรีทฟุตบอลซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปในภาคที่ผ่านมานั้น สำหรับ FIFA 21 มันยังคงความสดใหม่และความน่าเล่นอยู่ เหมือนกับว่าเป็นอีกเกมที่ฝังอยู่ใน FIFA 21 เลยด้วยซ้ำ ไหนจะมีโหมดเนื้อเรื่องที่เป็นของ VOLTA เอง หรือแม้กระทั่งการตะลุยไปที่ต่างๆ มีเกมเพลย์ที่มันส์ขึ้น ลูกเล่นท่าทางสกิลต่างๆ ที่เฟี้ยวมาก กับโหมดออนไลน์ที่เล่นได้ทั้ง Solo, Co-op และ my pro ทำให้โหมด VOLTA นี้เป็นอีกหนึ่งการเล่นที่แฟนๆ ไม่ควรพลาด

.png?versionId=kHG1T1dWu8XggZEYD13rlwl4l8URCH4m)
.png?versionId=MVw4YYyn5WSTuO3tCBUkF3oldhKrehDk)
My Career สวมบทผู้จัดการคุมทีมแบบสมจริง
หลังจากที่ Career Mode โหมดผู้จัดการคุมทีมฟุตบอลในภาคที่แล้วสร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆ แถมมีปัญหามากมายเกิดขึ้น ใน FIFA 21 ทางทีมพัฒนาเลยมีการปรับปรุงครั้งใหญ่จนมีความน่าเล่นเยอะขึ้นมาก ทั้งในเรื่องของ Interactive Match Sim ที่โชว์กราฟิกแบบ 2D เหมือนกับใน Football Manager แต่เปิดโอกาสให้เราสามารถที่จะกระโดดเข้าไปเล่นเองตอนไหนก็ได้ มีระบบการวิเคราะห์การเก็บสถิติหรือการแก้เกมที่ดูสมจริงขึ้น พวกอันดับทีมในตารางก็สมจริงกว่าแต่ก่อนที่ทีมดังๆ จะทำผลงานดี และสกอร์หลังจบเกมจะไม่เวอร์ยิงกัน7-8 ลูกเหมือนคราวก่อนแล้ว แต่โดยรวมๆ แล้ว Career Mode ในภาคนี้ก็มีความน่าเล่นขึ้นเยอะเลยทีเดียว
.png?versionId=0EtB9w7ZvhLZqE9bs3SDvU89OBaUHfrj)
.png?versionId=OYbGkYm_lLRtHmSY4UTkApEzN.2J4s0u)
.png?versionId=iCPBrdhO0vxjAJwLMl9_g99p8d5lQ6ik)
.png?versionId=RfchOAXf5ihme9GMLEJbTfEoQhD1BWqn)
สรุป 8.0/10
FIFA 21 ยังคงเป็นเกมฟุตบอลที่น่าเล่นและมีแฟนๆ เหนียวแน่นอยู่ทั่วโลก แม้ตอนนี้เรื่องกราฟิกกับหน้าตานักเตะอาจจะไม่สมจริงเท่าคู่แข่ง แต่การปรับปรุงครั้งใหญ่และการแก้ไขปัญหาเก่าๆ กับพยายามหาลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาให้กับ Gameplay ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ทีมพัฒนาพยายามใส่ใจกับเกมของตัวเองมากขึ้น ภาคนี้ AI ฉลาดขึ้นมาก ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าแล้ว ตัวเกมเองก็มีคอนเท้นท์ที่หลากหลาย ใครที่เป็นแฟนเกมนี้อยู่แล้วบอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอนครับ
.png?versionId=LmQQnsB_7UJivXT8MXPQTFuMF4wMXkvs)
.png?versionId=ut9BH_VUgwFIOQW4TwQzQnYduvdMGbyG)
.png?versionId=zWonb.KXBeIk1V8Z2OsqAHfgztCTBGvC)