ช่วงเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา ทาง Microsoft ได้ทำการเปิดเผยสเปคของเครื่องเกมคอนโซลตัวใหม่ของตัวเองอย่าง Xbox Series X ว่าจะมาพร้อมฮาร์ดดิสก์ แบบ SSD NVMe ความจุ 1TB ซึ่งเมื่อฟังผ่านๆ ก็อาจคิดว่า Microsoft ให้ความจุมามากเพียงพอแล้ว แต่ถ้าดูขนาดของตัวเกมในปัจจุบัน หรือเกม Next-Gen ที่นับวันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่าเกมระดับท็อปที่จะลงบนเครื่อง Xbox Series X จะมีขนาดขั้นต่ำอยู่ที่ 80-100 GB เลย ดังนั้น บอกได้คำเดียวเลยว่า 1TB ที่ให้มานั้น ไม่น่าพอ ...
ซึ่งทาง Microsoft ก็น่าจะเห็นถึงปัญหาตรงนี้ จึงได้ประกาศว่าจะทำการออกตัวการ์ดเก็บข้อมูลแยกความจุ 1 TB (Expansion card) ออกมา โดยจะสามารถทำงานร่วมกับเครื่อง XBOX Series X ได้อย่างแนบสนิท ล่าสุด บนเว็บไซต์ค้าปลีกชื่อดังของสหรัฐอเมริกาอย่าง BestBuy ก็ได้วางขายสินค้าตัวดังกล่าวพร้อมราคาแบบ Pre-Order เรียบร้อยแล้ว โดยรายละเอียดของ Expansion Card ของ XBOX Series X มีดังนี้ครับ
- ผลิตโดย Seagate ที่มีชื่อเสียงด้านการทำฮาร์ดดิสก์มายาวนาน
- Microsoft ออกแบบให้ฮาร์ดดิสกตัวนี้เหมือน Memory Card ที่เคยใช้ในเครื่อง XBOX และ XBOX 365
- มีชื่อเต็ม ๆ ว่า 1TB Game Drive for Xbox Series X and Series S External Custom PCI Express Gen4 x2 (NVMe) Solid State Drive
- มีความจุ 1000 GB (1TB)
- มีขนาดเล็กมาก เพียง 2.08 x 1.24 นิ้ว และมีสีดำเพียงสีเดียว
- มีราคา 219.99 USD หรือประมาณ 7 พันบาท
จากสเปคจะเห็นว่า Expansion Card ตัวนี้ มาพร้อมมาตรฐานความเร็วแบบ PCI Express Gen4 x2 ที่เร็วกว่า SSD ทั่วไปในตลาด นั่นทำให้สามารถทำงานร่วมกับระบบของ Xbox Series X ได้อย่างแนบสนิท ทั้งความเร็วในการรันเกม โหลดเกม เรียกได้ว่าไม่มีหน่วง เร็วเทียบเท่ากับฮาร์ดดิสก์ที่มาพร้อมกับเครื่องเลย แต่นั่นก็ต้องแลกมากับราคาค่าตัวที่แพงกว่า SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 x4 ความจุ 1TB แบบที่เราทั่วไปในตลาดถึงเกือบเท่าตัว
ประกาศใช้มาตรฐานใหม่ PCI Express Gen4 x2 แบบนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วฮาร์ดดิสก์ทั่วไปที่เราใช้กันในทุกวันนี้ จะสามารถต่อใช้งานหรือเล่นเกมกับ Xbox Series ได้ไหม? ทาง Microsoft ออกมายืนยันแล้วครับว่า “ได้” แต่จะสามารถเล่นได้เฉพาะเกมของ XBOX One หรือรุ่นก่อนหน้าผ่านระบบ Compatibility เท่านั้น ส่วนเกมของ XBOX Series X จะต้องลงบนฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง หรือ Expansion Card เท่านั้น เรียกได้ว่าหากอยากสัมผัสประสบการณ์ Next-Gen ก็ต้องใช้อุปกรณ์ Next-Gen เท่านั้นเลยครับ