หลังจากที่ปล่อยทีเซอร์เรียกน้ำย่อยไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ล่าสุด Activision Blizzard ก็ออกมายืนยันและปล่อยข้อมูลอย่างเป็นทางการของ "Call of duty: Black Ops Cold War" ให้ทราบกันแล้ว พร้อมระบุวันวางจำหน่าย 13 พฤศจิกายนนี้บน PS4, Xbox One และ Battle.net รวมถึงเครื่องคอนโซลยุคถัดไปที่จะตามมาภายหลังอย่าง PlayStation 5 และ Xbox One Series X ด้วย
เรื่องราวการสานต่อจาก Black Ops 1
Black Ops Cold War พัฒนาโดยสตูดิโอ Treyarch และ Raven โดยเรื่องราวในเกมจะเป็นภาคต่อจาก Black Ops 1 ซึ่งหยิบเอาช่วงกลางของสงความเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 1980 โดยผู้เล่นจะได้พบกับตัวละครเก่าที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง Alex Woods, Frank Mason และ Jason Hudson เพื่อร่วมต่อสู้กับวิกฤตครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง

Dan Vondrak, Creative Director จาก Raven Software กล่าวว่า "เราชอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจักรวาลของ Black Ops เมื่อย้อนกลับไปตอนที่ Black Ops ภาคแรกออกวางจำหน่าย ตอนนั้นเรื่องราวในเกมยังไม่ได้เข้าสู่ยุค 80 ใน flashback missions ของ Black Ops 2 ก็พาเราย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 80 แต่ก็มีช่วงเวลาหลายปีที่ยังไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียด เราเลยรู้สึกว่าครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีในการที่จะพาผู้เล่นไปสู่ช่วงกลางของยุค 80 ซึ่งเจาะลึกในส่วนของสงครามเย็น ต่อจาก Black Ops campaign ในภาคแรก"
Daniel Bunting, co-Studio Head จาก Treyarch กล่าวว่า "ผมคิดว่า Black Ops นั้นมีเนื้อหาที่หลากหลาย เราพาผู้เล่นทุกคนเดินทางไปทั่วโลกตั้งแต่ยุคปี 60 ไปจนถึงศตวรรษที่ 21" "เราต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อนำเสนอเรื่องราวใหม่ๆ และตัวละครใหม่ๆ"

โหมด Single player campaign จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสร้างตัวละครเองได้
ในเกมนี้ผู้เล่นจะได้สวมบทเป็นกองกำลังพิเศษที่คอยตามสืบ "ปฎิบัติการ Perseus" ซึ่งเป็นภารกิจลับของสายลับโซเวียตที่แทรกซึมเข้าไปในหน่วยสืบราชการลับของฝั่งตะวันตกและไม่เคยถูกเปิดเผย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นในภาคนี้ก็คือ โหมด Single player campaign จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครขึ้นมาได้เองรวมถึงกำหนดพื้นหลังของตัวละครได้อีกด้วย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับซีรีส์ Call of Duty มาก่อน

Dan Vondrak กล่าวว่า "เราต้องการที่จะให้ผู้เล่นปรับแต่งตัวละครของตัวเองได้ สามารถเลือกได้ว่าจะเกิดที่ไหน สามารถเลือกเพศและภูมิหลังได้ เพื่อให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาจากมุมมองของผู้เล่นเอง เพราะว่าในเกมภาคนี้ทางเลือกที่ผู้เล่นตัดสินใจมันจะส่งผลกระทบต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมด้วย"
ฉากจบที่หลากหลาย
ในขณะเดียวกันโหมด Single player campaign จะมีฉากจบหลายแบบ ซึ่งในภารกิจเดียวกันจะมีวิธีที่หลากหลายขึ้นในการทำภารกิจให้สำเร็จ ซึ่งการเลือกต่างๆ ไม่ได้ส่งผลถึงแค่บทสรุปของแต่ละภารกิจเท่านั้น แต่มันจะส่งผลไปจนถึงฉากจบของเกมเลยด้วย

Dan Vondrak กล่าวว่า "มีภารกิจที่ผู้เล่นจะต้องอยู่ในสำนักงานใหญ่ของ KGB ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกเส้นทางต่างๆ เพื่อดำเนินภารกิจให้ไปต่อได้ เป็นต้น โดยแต่ละภารกิจในเกมจะมีคุณสมบัติของตัวเอง ดังนั้นเราจึงมอบทางเลือกเพิ่มเติมให้กับผู้เล่น เช่นเดียวกับภารกิจในเวียดนาม แต่ก็ยังมีบางภารกิจที่จะมีตัวเลือกเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้นด้วย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของซีรีส์ Call of Duty"
ในตัวอย่าง Trailer ล่าสุดที่ปล่อยออกมา ประธานาธิบดี Ronald Reagan ของสหรัฐอเมริกาได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ CIA อย่าง Russell Adler เพื่อติดตามสายลับโซเวียตโค้ดเนม Perseus ผู้ซึ่งหลบหนีการจับกุมมานานหลายทศวรรษ ควบคู่ไปกับการเล่นเกมผู้เล่นจะได้สัมผัส campaign อันน่าตื่นเต้นและได้เดินทางไปยังสถานที่ที่มีชื่อเสียงในทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ลินตะวันออก เวียดนาม ตุรกี และมอสโกยุคโซเวียต ซึ่งผู้เล่นจะได้พบกับประวัติศาตร์ที่มีอยู่จริงในบางส่วนด้วย


ปริศนาความลับจากใน Trailer
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปล่อยทีเซอร์ตัวอย่างเปิดเผยแผนการของสหภาพโซเวียตที่จะโค่นล้มประเทศตะวันตก ผ่านการให้สัมภาษณ์โดย Yuri Bezmenov (ซึ่งเป็นอดีตนักข่าวในสังกัด RIA Novosti รวมถึงเป็นผู้ประชาสัมพันธ์ให้กับหน่วยงาน PGU KGB) และสลับกับภาพฟุตเทจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสมัยนั้น โดยมีการพูดถึง (Active Measures) หรือมาตรการการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ซึ่งจะสามารถพบได้ในเกม Call of Duty: Black Ops Cold War
Active Measures เป็นการทำสงครามทางการเมืองที่ดำเนินการโดย the Soviet and Russian security services (Cheka, OGPU, NKVD, KGB, FSB) นอกเหนือจากการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองและจัดทำแบบประเมินความถูกต้องทางการเมืองแล้ว ยังมีเรื่องของการจัดการเรื่องสื่อ ไปจนถึงการกระทำที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงต่างๆ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1920 พวกเขาทั้งเผยแพร่ข่าวปลอม หรือโฆษณาชวนเชื่อซึ่งนำไปสู่การเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยกระบวนการนี้ใช้เวลา 15-20 ปี จนไปถึงขั้นตอนช่วงหลังๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมืองของชาติจนนำไปสู่ความวุ่นวายอย่างรุนแรงในที่สุด
กล่าวอีกนัยก็คือใน Single Player Campaign ของ Black Ops Cold war จะมีองค์ประกอบที่ลึกซึ้งของช่วงสงครามเย็น ซึ่งทางทีมพัฒนาผสมผสานระหว่างข้อเท็จจริงทางประวัติศาตร์กับเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อนำเสนอประสบการณ์การเล่นเกมที่กระตุ้นความคิด
Call of Duty: Black Ops Cold War จะออกมาวางจำหน่ายให้เล่นในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2020 บนเครื่อง PC, PS4, Xbox One และบนเครื่อง PS5 กับ XBSX ในช่วงปลายปี