หลังจากที่การแข่งขันของบรรดาการ์ดเกม เริ่มหันมาใช้ Conquest เป็น Format หลักมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้คนติดตามการแข่งขันของเกมเหล่านี้ได้เข้าใจ ว่าระบบ Conquest มีความเฉพาะตัวและส่งผลต่อการจัดเด็คมาลงแข่งอย่างไร (โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่เคยเล่น Hearthstone มาก่อน) วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจระบบนี้กัน
กติกาหลักของ Conquest
- ผู้แข่งจะต้องมี 3-5 เด็ค ที่ไม่ซ้ำกันในการลงแข่ง (เช่น ต้องใช้ คลาส / เมือง ที่แตกต่างกัน)
- ในการเจอคู่ต่อสู้ ต่างฝ่ายต่างต้องเลือกแบนเด็คของฝั่งตรงข้าม
- เด็คที่เหลืออยู่ทั้งหมด จะต้องถูกนำมาใช้ และชนะฝั่งตรงข้ามให้ได้
- ใครใช้ทุกเด็คของตัวเองชนะฝั่งตรงข้ามได้ก่อน เป็นฝ่ายชนะ
- เด็คไหนที่เราใช้และเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้แล้ว ห้ามใช้ซ้ำ
ใจความสำคัญของระบบ Conquest ก็คือ การให้ผู้เล่น 1 คนต้องใช้เด็คที่หลากหลายในการลงแข่ง (ไม่ได้ใช้เพียงเด็คเดียว แล้ววัด Bo3 หรือ Bo5 ตามปกติ) ซึ่งเบื้องต้นมันจะช่วยเพิ่มความซับซ้อนของการแข่งให้มากขึ้น เพิ่มความหลากหลายกับทั้งคนดูและคนแข่ง แต่อาจจะสร้างความลำบากสำหรับคนลงแข่งเล็กน้อย เพราะต้องมีการ์ดจำนวนมากถึงจะสามารถลงแข่งได้ (ต้องเตรียมอย่างน้อยที่สุดคือ 3 เด็ค)
และเพราะว่าการแพ้ชนะในระบบ Conquest บังคับเราต้องใช้ทุกเด็คของเราชนะคู่ต่อสู้ให้ได้ จุดนี้ได้สร้างระบบการแข่งขันที่มีความเฉพาะตัวขึ้นมา แม้ว่าดูเผินๆ จะแค่เป็นการเลือก 3 เด็คที่ดีที่สุดในเมต้าก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ทว่าในการแข่งขันระดับสูงนั้น การ์ดเตรียมเด็คสำหรับแข่งใน Conquest นั้นยาก และแตกต่างจากเด็คที่เอาไปเล่นใน Ladder มากทีเดียว
*ในการแข่งขัน เราจะเรียกรายชื่อเด็คทั้งหมดที่ใช้ลงแข่งว่า "ไลน์อัพ" เช่นไลน์อัพของผู้เล่น xxx เป็นต้น
1. เข้าใจไลน์อัพของ Conquest : การโฟกัสเด็คเมต้า / การฟาร์มเด็คคู่ต่อสู้
ก่อนอื่นลองจินตนาการว่า ฝั่งตรงข้ามมีเด็ค A ซึ่งเป็นเด็ค Aggro อยู่ ซึ่งเด็คนี้แพ้ทางเด็คแนวคอนโทรลทั้งหลายอย่างมาก ถ้าหากเราจัดเด็คที่ชนะทางเด็ค A มาทั้ง 3 เด็ค โดยที่ไม่สนใจว่าอีก 2 เด็คที่เหลือของฝั่งตรงข้ามจะเก่งหรือโหดแค่ไหน การที่เด็ค A ไม่สามารถชนะเด็คไหนของเราได้เลย ก็มีความหมายว่าผู้เล่นคนนั้นไม่มีโอกาสชนะเราด้วยเช่นกัน
การที่เด็ค A ไม่สามารถชนะเด็คไหนของเราได้เลย ก็มีความหมายว่าผู้เล่นคนนั้นไม่มีโอกาสชนะเราด้วยเช่นกัน
ด้วยการแข่งในระบบ Conquest มีเงื่อนไขว่า ผู้ชนะจะต้องใช้ทุกเด็คจัดการกับคู่ต่อสู้ เราจึงสามารถเลือกไลน์อัพที่สามารถ "ฟาร์ม" หรือโฟกัสที่จะชนะเด็คไหนเด็คหนึ่งเป็นพิเศษได้ จากตัวอย่างที่ยกมา ถ้าเรารู้ว่าผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกเด็คแบบไหนมาลงแข่ง (อาจจะเป็น Control, Mid-Range หรือ Agrro ก็ตามที) การเตรียมไลน์อัพให้ชนะทางเด็คเหล่านั้น จะเพิ่มโอกาสชนะให้เราในการแข่งเช่นกัน
2. เข้าใจไลน์อัพของ Conquest : เลือกเด็คสะเปะสะปะ = เพิ่มโอกาสแพ้
ต่อเนื่องมาจากข้อแรก แม้ว่าคุณจะไม่สนใจการจัดเด็คเพื่อแก้ทางเด็คใดเด็คหนึ่งเป็นหลัก เพราะไม่อยากจะเสี่ยงกับการคาดเดาว่าคนแข่งส่วนใหญ่จะเล่นอะไร ความคิดนั้นก็อาจจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่การนำเด็คที่โหดที่สุด 3 เด็คไปแข่ง โดยไม่ได้วางแผนให้กับไลน์อัพของคุณเลย ก็อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเสมอไป
ในการเลือกไลน์อัพเพื่อเข้าแข่งขัน หากทั้ง 3 เด็คมีสไตล์และแนวทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะเป็นเด็คที่โหดที่สุดของเกมในขณะนั้น แต่ก็เป็นการเพิ่มโอกาสที่เด็คใดเด็คหนึ่งจะติด "กับดัก" ของคู่ต่อสู้ได้ง่ายกว่าเดิมด้วย เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ที่เข้าแข่งขันเป็นประจำ มักเตรียมตัวที่จะรับมือเด็คเมต้าเด็คใดเด็คหนึ่งเป็นพิเศษอยู่แล้ว การที่ทั้ง 3 เด็คของคุณแพ้ทางไลน์อัพที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าไปเจอกับคู่แข่งที่เขาเตรียมมารับมือเด็คแบบไหน ไลน์อัพของเราก็แพ้ผู้เล่นเหล่านั้นอยู่ดี
ดังนั้นเด็คโหดๆ ในการเล่นตามปกติ อาจจะไม่ใช่เด็คที่ดีสำหรับการแข่งเสมอไป หลายครั้งเด็คที่ใช้แข่งในระบบนี้ จะมีการปรับลดความโหดและจุดเด่นของตัวเองลงมา เพื่อใส่การ์ดบางใบที่เพิ่มโอกาสชนะตอนที่เจอกับเด็คที่แพ้ทางด้วย
3. เข้าใจไลน์อัพของ Conquest : จัดไลน์อัพมาเพื่อโฟกัสแบน
สองหัวข้อแรกเราได้เรียนรู้แล้วว่า การเตรียมไลน์อัพของคนแข่งนั้น ต้องระวังไม่ให้เด็คใดเด็คหนึ่ง "โดนฟาร์ม" ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่ จะออกมาเป็นเด็คที่มีเด็คแพ้ทางแค่เด็คเดียว หรือไม่ได้แพ้เด็คใดเด็คหนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าหากไลน์อัพของเรามีเด็คที่แพ้ทางร่วมกัน (แค่เด็คเดียว) การแบนของ Conquest จะช่วยให้เราปลอดภัย และสามารถตัดการ์ดบางใบออกจากเด็ค เพื่อเสริมจุดแข็งของเราได้
ส่วนนี้เป็นส่วนที่มีผลที่สุด ที่ทำให้เด็คที่ใช้เล่นทั่วไปต่างจากเด็คที่ใช้แข่งขัน เพราะว่าผู้แข่งรู้ว่าตัวเองจะไม่ต้องเจอเด็คแบบไหน (หรือการ์ดแบบไหน) จากโควต้าการแบนของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็คที่โหดและฮิตที่สุดของเกมในขณะนั้นเป็นหลัก แต่ในการเล่นทั่วไปนั้น เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงเด็คที่ฮิตที่สุดในขณะนั้นได้ จำเป็นต้องใส่การ์ดบางใบและหาวิธีที่จะรับมือมันเท่านั้น
4. เข้าใจไลน์อัพของ Conquest : ปรับเด็คเพื่อรับมือ Mirror Match
เมื่อรวม 3 ส่วนเข้าด้วยกัน จะเหลือเด็คเพียงไม่มากที่สามารถใช้ในการแข่งขันได้ และจะมีเด็คที่ "ไม่แพ้เด็คใดเด็คหนึ่งเป็นพิเศษ" ถูกหยิบมาใช้ในไลน์อัพบ่อยครั้ง สิ่งที่ตามมาคือ เราจะได้เจอเด็คเดียวกันเจอกันเองบ่อยขึ้น และกลายเป็นเด็คยอดฮิตสำหรับการแข่งขันครั้งนั้นนั่นเอง
ในการเจอเด็คเดียวกันหรือ Mirror Match นั้น หลายครั้งฝ่ายที่ชนะก็เกิดจากการใส่การ์ดแก้ทางเด็คเดียวกันเข้าไป การปรับจูนเด็คเพื่อเสริมจุดแข็ง ลดจุดอ่อน ในการเจอกับเด็คเดียวกัน เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงตลอดเวลาในการจัดเด็คและจัดไลน์อัพเพื่อลงแข่ง แต่ก็กลับมาที่จุดแรกสุดคือเด็คทั้งหมดจะต้องดีพอ ในการเจอกับไลน์อัพที่เราไม่ได้เตรียมตัวมาด้วย
และนี่คือจุดหลักๆ ที่ทำให้เมต้าของการแข่งแบบ Conquest แตกต่างออกไปจากการเล่นธรรมดา เพราะมันไม่ใช่การเอาเด็คที่โหดที่สุดมาเจอกันเพียงอย่างเดียว แต่ผู้แข่งยังต้องวางแผน วิเคราะห์ และปรับไลน์อัพ ให้เข้ากับไลน์อัพของคนอื่นที่ใช้ลงแข่งด้วย การบังคับให้ใช้เด็คที่ไม่ซ้ำ เป็นการบีบให้ผู้เล่นทุกคนอาจจะต้องมีเด็คที่เป็นจุดอ่อน และการแบนทำให้เราสามารถจัดเด็คที่โลภกว่าการเล่นปกติ เพราะเราสามารถเลี่ยงเด็คที่ไม่อยากเจอได้เช่นกัน