
ย้อนกลับไปก่อนช่วงปี 2017 ก่อนที่ Resident Evil Bio Hazard หรือ Resident Evil Vll (Bio Hazard Vll) จะวางจำหน่าย ในตอนนั้นซีรีส์ Resident Evil เหมือนคนหลงทางที่ติดกับดักความสำเร็จของตัวเอง ที่ดูได้จาก Resident Evil 6 ที่พยายามเป็นทุกอย่างเพื่อแฟนเกมแต่กลับไปไม่สุดสักทาง ทั้งความหลอนแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ กับการแอ็กชันบู๊ระบิดภูเขาเผากระท่อม จนทำให้เกม Resident Evil 6 ขาดความสนุก จนหลายคนบอกว่าซีรีส์ Resident Evil Bio Hazard กำลังจะตายในไม่ช้า แต่แล้วการมาของ Resident Evil Vll ก็เหมือนเป็นการปลุกซอมบี้ที่กำลังจะตายให้ลุกขึ้นมามีลมหายใจ แต่เราไม่รู้เลยว่าทาง Capcom ผ่านเรื่องนี้มาได้อย่างไร เรามาดูเรื่องราวนี้กัน
โดยเรื่องราวนี้เผยแพร่มาจาก X (เชื่อไหม GamesRadar+ ยังเรียก Twitter อยู่) ของ Project Umbrella RE:Digest @project_umb ที่ได้นำเรื่องราวการให้สัมภาษณ์จากคุณ Takeuchi Jun ผู้บริหารของ Capcom และโปรดิวเซอร์ของ Bio Hazard พูดถึงเรื่องนี้ใน นิตยสาร Nikkei Entertainment! (พฤศจิกายน 2025) เกี่ยวกับการวางแผนสร้างและความสำเร็จของ Resident Evil 7 ว่ามีความเป็นมาอย่างไร โดยคุณ Takeuchi บอกว่า "หลังจาก Bio Hazard 6 วางจำหน่ายทาง Capcom ตัดสินใจว่า จะขยายซีรีส์โดยการนำเอาวัฒนธรรมมาปรับใช้ ซึ่งรวมถึงการเยี่ยมชมและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบ้านของชาวอเมริกันจริง ๆ เพื่อศึกษาถึงสภาพความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตที่เอามาปรับใช้ใน Bio Hazard 7 โดยส่วนที่ว่านี้มันคือหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น"
ทางทีมงานต้องการสร้างความย้อนแย้งแบบคนอเมริกันในเกม Bio Hazard 7 ประมาณว่าคนอเมริกันคงไม่ทำแบบนี้จริง ๆ หรอกอะไรแบบนั้น (แต่จริง ๆ มันก็มีแบบนี้) และสร้างตัวละครเอกให้มีความสมจริงสำหรับผู้เล่นทั่วโลก และตั้งใจทำมุมกล้องแบบภาพยนตร์ และใช้คนแสดงจริงมาช่วยส่งเสริม เพื่อเพิ่มการยอมรับในระดับสากลของแบรนด์ แถมทางทีมงานยังไปหาผลสำรวจจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป จนรู้ว่าเกมเพลย์แนวสยองขวัญคือสิ่งที่คนที่นั่นต้องการ และทีมงานต้องการฉีกกรอบให้ตัวเกมภาคนี้แตกต่างจากภาคก่อนไปแบบชัดเจน นอกจากนี้ทีมงานยังให้ความสำคัญกับการทำให้ซีรีส์นี้สามารถเล่นได้บน PC สเปคต่ำถึงกลาง เนื่องจากฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ล่าสุดมีจำหน่ายน้อยในบางภูมิภาค
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือการเริ่มต้นใหม่ ตัวละครใหม่และเรื่องราวใหม่ที่แตกต่างจากเดิม เพื่อให้ผู้ชมหน้าใหม่ติดตามซีรีส์นี้ได้ด้วย ในขณะเดียวกันก็ดึงดูดแฟน ๆ ที่ติดตามซีรีส์นี้มาอย่างมานานรู้ว่า Bio Hazard Resident Evil กลับมาสู่รากเหง้าของตนเองแล้ว นอกจากนี้ทางคุณ Takeuchi ยังบอกอีกว่าทีมงานใช้กลยุทธ์การตั้งราคาขายที่ไม่สูงมาก เพื่อให้คนสนใจซื้อเกมนี้ตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่าย (Resident Evil 7 เปิดตัวราคา 1,199 บาท) และมีการลดราคาเกมลงทีละน้อย เพื่อให้เกมเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้เล่นในวงกว้าง บวกกระแสปากต่อปากตัวเกม Resident Evil 7 จึงกลับมาอีกครั้ง
ซึ่งต่อให้ทางทีมงาน Capcom จะใช้กลยุทธ์มาอย่างดีขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าตัวเกม Resident Evil 7 มันแย่มันห่วยเล่นไม่สนุกต่อให้ดัดแค่ไหนการตลาดดียังไงก็ไปไม่รอด ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องชมความกล้าเสี่ยงของทีมงาน ที่เปลี่ยนทุกอย่างใน Resident Evil เดิม ๆ ไปในแนวทางใหม่ จนปูรากฐานให้ซีรีส์นี้เดินต่อมาได้อย่างมั่นคงจนมาถึง Resident Evil Requiem ในตอนนี้ ส่วนใครที่ยังไม่เคยเล่นบอกเลยว่าคุณพลาดของดีไปแล้ว ลองไปหามาเล่นดูแล้วคุณจะรู้ว่าความน่ากลัวที่แท้จริงกับความไม่รู้มันคืออะไร และขอต้อนรับสู่ถิ่นที่อยู่แห่งความชั่วร้าย ชีวะภาพหลอนซ่อนปมมรณะ Resident Evil Bio Hazard