
วันเวลาผ่านไปไวดั่งโกหก คำ ๆ นี้ใช้ได้ตลอดจริง ๆ โดยเฉพาะเหล่าเกมเมอร์ที่เริ่มเล่นเกมตั้งแต่ยังเด็กสมัยยุค Famicom (บางคนเก่ากว่านั้นแต่ส่วนมากจะอยู่ในยุคนี้) ซึ่งพอให้เหล่าเด็กยุค 90 (คนที่เกิดในยุค 80) มานั่งคุยเรื่องเกมเก่าสมัยเครื่อง Famicom ว่ามีเกมไหนที่อยู่ในใจของคนเล่นเกมยุคนั้นบ้าง หนึ่งในเกมที่ต้องมีคนพูดถึงก็คือ เกมคินิคุแมนมวยปล้ำ หรือชื่อจริง ๆ ของเกมนี้คือ Kinnikuman Muscle Tag Match เกมมวยปล้ำที่อยู่บนตลับ 10 in 1 หรือ 9999999 in 1 ที่หลายคนคุ้นเคย และวันที่ 8 พฤศจิกายน 1985 ก็ครบรอบ 40 ปี Kinnikuman Muscle Tag Match เรามาย้อนอดีตดูเรื่องราวเกมนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
ตัวเกม Kinnikuman Muscle Tag Match เป็นเกมแอคชั่นต่อสู้ที่วางจำหน่ายโดย Bandai (ปัจจุบันคือ Bandai Namco) ที่ดัดแปลงมาจากมังงะและอนิเมะยอดนิยมอย่าง Kinnikuman วางจำหน่ายบนเครื่อง Famicom ที่เป็นเรื่องราวของเหล่าซูเปอร์ฮิวแมน ที่ใช้ตัวละครตามในการ์ตูนมาเป็นต้นแบบในการต่อสู้ ซึ่งความพิเศษของเกมนี้คือการใช้ท่าพิเศษที่เอามาจากในการ์ตูนแบบเป๊ะ ๆ ที่เด็กในยุคนั้นต่างรู้จักการ์ตูนเรื่องนี้เป็นอย่างดี ตัวเกมจะมีตัวละครให้เลือก 8 คนในเนื้อเรื่องช่วงแรกที่มี คินนิคุแมน, โรบินมาสก์, อาชูราแมน, เทอร์รีแมน, บร็อคเคน จูเนียร์, ราเมนแมน, บัฟฟาโลแมน และ วอร์สแมน กับเสียงเพลงเปิดที่หลายคนคุ้นเคย

ในส่วนของการเล่นการควบคุมก็ไม่ซับซ้อน แต่กลับสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ กับปุ่มต่อยกับกระโดด ที่เราสามารถกระโดดเตะ หรือกระโดดเด้งเชือกเพื่อเป็นท่าพุ่งที่เร็วและรุนแรงได้ แต่ถ้าอีกฝ่ายอยู่ไกลก็จะกระโดดไปไม่ถึง และถ้าเราไปอยู่หลังศัตรูจะเป็นการจับทุ่ม การเล่นจึงต้องใช้กลยุทธในการต่อยและหาจังหวะจับทุ่มหรือกระเด้งเชือก แต่จุดความสนุกจริง ๆ มันคือตอนที่เม็ดท่าไม้ตายถูกส่งมาจากข้างสนาม เราจะสามารถใช้ท่าไม้ตายตามในการ์ตูนได้ ซึ่งมันคือตัวพลิกเกมนี้ให้ฝ่ายที่เสียเปรียบเอาชนะมาได้ โดยตัวที่จัดว่าโกงที่สุดคือ เทอร์รีแมน เพราะท่าไม้ตายของแกที่ชื่อ Bulldogging Headlock จะพุ่งมาหาศัตรูและจับทุ่มได้หลายครั้ง ส่วนตัว คินนิคุแมน คือตัวที่ใช้ยากสุดเด็กในยุคนั้นเลยไม่ค่อยใช้

ตัวเกมสามารถเล่นพร้อมกับเพื่อน 2 คนได้ทั้งแบบสู้กันเอง 1 ต่อ 1 หรือแบบร่วมทีมกัน (แต่เพื่อนต้องเดินมาเปลี่ยนตัว) นับเป็นเกมที่เด็กยุคนั้นพอเล่นจบถ้าไม่ทะเลาะจนเป็นรมวนปล้ำของจริง ก็จะไปเรียกเพื่อน ๆ มาเล่นมวยปล้ำกัน นับเป็นหนึ่งในความทรงจำสีจางที่เด็กยุคนั้นต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ที่แม้จะผ่านมา 40 ปีแล้วแต่ความสนุกและความรู้สึกที่ได้เล่นเกมนี้กับเพื่อน ๆ ก็ยังคงอยู่