
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เผลอแป๊บเดียวเราก็มารู้ทีหลัง ว่าสิ่งที่เราเคยรักเคยชอบเคยมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้น มันผ่านมาเป็นสิบเป็นแล้ว ยิ่งในวงการเกมคนที่อยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ คงจะต้องผ่านเครื่องเกมต่าง ๆ มาอย่างมากมาย โดยเฉพาะฝั่งปู่นินอย่าง Nintendo ที่ออกเครื่องเกมมาอย่างยาวนานหลายต่อหลายเครื่อง หนึ่งในนั้นคือซีรีส์ Nintendo DS ที่มีรุ่นต่าง ๆ ออกมาเยอะมาก ๆ และหนึ่งในซีรีส์ Nintendo DS ที่หลายคนยุคนั้นชื่นชอบและจดจำได้ก็คือ Nintendo DSi เครื่องเกมซีรีส์ที่ 3 ของ Nintendo DS ที่ตัวเครื่องมีความสามารถในการถ่ายรูปและแต่งรูปเป็นแบบต่าง ๆ ได้ ซึ่งโทรศัพท์มือถือในยุคนั้นไม่สามารถทำได้ และที่พีคไปกว่านั้นคือ สาว ๆ วง Girls' Generation ก็มาร่วมโฆษณาเครื่องเกมตัวนี้ด้วย เรามาย้อนอดีตดูเรื่องราวเครื่องเกมนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
ตัวเกม Nintendo DSi วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 1 พฤศจิกายน 2008 เป็นเครื่องเล่นเกมพกพารุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Nintendo DS ที่มีหน้าจอใหญ่ Nintendo DS Lite และยังปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดีขึ้น (แต่ภายในเหมือนเดิม) แถมตัวเครื่องก็บางและเบากว่า มีการเพิ่มกล้องสองตัวเข้าไปในเครื่อง และมีช่องใส่การ์ด SD สำหรับบันทึกภาพที่ถ่ายไว้ (เอาการ์ดไปใส่บนคอมพิวเตอร์ได้ด้วย) แต่จะไม่มีช่องเสียบ Game Boy Advance แล้วในรุ่นนี้ ตอนที่วางจำหน่ายจะมีให้เลือกแค่สองสี คือสีขาวและสีดำซึ่งน้อยกว่าตัว Nintendo DS ปกติ แต่ก็มี สีชมพู สีเขียวมะนาว สีน้ำเงินเมทัลลิก แล ะสีแดง เข้ามาเพิ่มทีหลัง พร้อมกับเรียกวงเกาหลีอย่าง Girls' Generation มาร่วมโฆษณาด้วย

ส่วนจุดเด่นจุดขายของ Nintendo DSi คือการสามารถเล่นเกมของ Nintendo DSiWare ที่เราสามารถดาวน์โหลดและซื้อเกมจาก DSi Shop ได้ แต่ในบ้านเราระบบนี้มันไม่เป็นที่นิยม เพราะมันมีบริการแค่ในญี่ปุ่นกับบางประเทศ แถมในยุคนั้นก็นิยมการเล่นเถื่อน Nintendo DSi จึงเป็นที่นิยมเรื่องกล้องมากกว่า ที่ตัวเครื่องสามารถถ่ายรูปได้ เพราะมีกล้องดิจิทัล VGA ความชัด 0.3 ล้านพิกเซล และที่เจ๋งไปกว่านั้นคือมันคือการถ่ายรูปฟรุ้งฟริ้งและแต่งรูปได้หลาย ๆ แบบและใส่ลง SD การ์ดเพื่อลงบนคอมและย้ายไปลงโทรศัพท์มือถือได้ด้วย เรียกว่าเป็นอะไรที่ล้ำสุด ๆ ในยุคนั้นเลยทีเดียว (ในยุคนั้นมือถือถ่ายรูปได้แต่แต่งรูปแบบ DSi ไม่ได้)

ตัว Nintendo DSi ทำยอดขายทั่วโลกไป 28.44 ล้าน ตัวเครื่องที่ทีมงานมีแม้จะผ่านเวลามากว่า 16 ปีแต่ยังใช้งานได้ดี ซึ่งมันคือเอกลักษณ์เด่นของ Nintendo ที่สร้างเกมมาต้องอึดถึกทน (แต่ในยุคนี้จะต่างออกไปเล็กน้อย) ใครที่สนใจก็ลองไปตามหาในตลาดดูราคาไม่แรงอย่างที่คิด (ราคาไม่ถึงพัน) หรือถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็ไปหารุ่น Nintendo DSi LL กับ XL มาสะสมจะดีกว่า วันดีคืนดีลองพกออกไปเล่นข้างนอกเด็กยุคนี้อาจจะแปลกใจกับเครื่องเกมตัวนี้ก็ได้