
เป็นเวลากว่า 4 ปีเกือบจะ 5 ปีแล้วที่เกม PlayStation 5 วางจำหน่ายให้แฟน ๆ ทั่วโลกได้เล่นกัน (PlayStation 5 วางจำหน่าย 12 พฤศจิกายน 2020) ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีข่าวของ PlayStation 6 ออกมาบ้างแล้วตามสื่อต่าง ๆ เพราะเราอย่าลืมว่าทางบริษัทที่ทำเครื่องเกมเมื่อทำเครื่องรุ่นเดิมจนเสร็จครบตามการวางจำหน่าย (ในกรณีของ PlayStation 5 คือ PS5 Pro) ทางทีมพัฒนาก็จะลงมือพัฒนาเครื่องเกมต่อไปทันที หรืออาจะเริ่มพัฒนาตั้งแต่ที่ PlayStation 5 สร้างเสร็จเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็คือเรื่องปกติของวงการเกม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปและเริ่มเห็นได้ชัดคือคนซื้อเกมแบบแผ่นน้อยลงกว่าสมัย PlayStation 4 มาก ชนิดที่เรียกว่า เหลือเพียง 3% ส่วนทางกับซอฟต์แวร์ดิจิทัลที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 20% ในตอนนี้ เรามาดูกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นกัน

จากข้อมูลบอกว่าก่อนที่เครื่อง PlayStation 5 จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2020 รายได้จากซอฟต์แวร์แบบแผ่นคิดเป็นประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของ PlayStation 4 ที่ถือว่าค่อนข้างน้อยลงเยอะมาก ๆ เมื่อเทียบกับสมัย PlayStation 3 และพอ PlayStation 5 ก็ลดลงเหลือ 5% ในปีถัดมา และลดลงเหลือ 4% ในปีงบประมาณ 2022 จนตอนนี้ข้อมูลในปีงบประมาณ 2024 เผยให้เห็นว่า ยอดขายเกมแบบแผ่นของ PlayStation 4 และ PlayStation 5 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เหลือเพียง 3% คิดเป็นเงินราว ๆ 945 ล้านดอลลาร์ ของรายได้ PlayStation ทั้งหมดในตอนนี้

ในขณะที่ซอฟต์แวร์ดิจิทัลคิดเป็น 20% โดยรายงานระบุว่าคำจำกัดความของซอฟต์แวร์จริงของ Sony นั้นแคบกว่าที่คิด เพราะจะนับเฉพาะการขายแผ่นดิสก์ของบริษัทเองเท่านั้น กับค่าสิทธิจากผู้เผยแพร่รายอื่น และเกมที่ขายพร้อมอุปกรณ์เท่านั้น ไม่ได้นับการขายแผ่นจากค่ายอื่น ในขณะที่หมวดซอฟต์แวร์ดิจิทัลนับรวมเกมเต็มรูปแบบของบริษัทเอง และของบุคคลที่สามที่ซื้อผ่าน PlayStation Store ทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมแบบแผ่นก็เคยมียอดขายสูงกว่านี้ แต่ตอนนี้กลับลดลงเรื่อย ๆ จนเห็นได้ชัดซึ่งทาง PlayStation ก็เสียรายได้ในส่วนนี้ไปค่อนข้างมาก

แต่จากข้อมูลบอกอีกว่ารายได้ที่แท้จริงของ PlayStation มาจากคอนเทนต์เสริมจากเกมต่าง ๆ อย่างระบบ Microtransactions สกุลเงินในเกม สกินเสริม แพ็ค DLC และคอนเทนต์เสริม ต่าง ๆ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 29 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมของ PlayStation ซึ่งทั้งหมด ที่ก็มาจากการดิจิตรอนทั้งสิ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่คนส่วนมากจะหันมาสนใจซื้อเกมแบบดิจิทัลมากขึ้น นี่ยังไม่นับเกมเดียวกันที่มักจะมีการลดราคาอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่เกมแบบตัวแผ่นขายราคายังยังไงผ่านมาก็ขายราคาเดิม รวมถึงการเดินทางความสะดวกสบายของการซื้อเกม ที่ไม่ต้องใส่แผ่นไม่เปลืองพื้นที่เก็บ จึงไม่แปลกที่การขายเกมแบบดิจิทัลจะทำรายได้สูงขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับแบบแผ่น

และแน่นอนว่าคนที่เข้ามาอ่านบทความข่าวนี้ ก็คงจะซื้อเกมแบบดิจิทัลมากกว่าแผ่นแน่นอน แต่ถึงยังไงเกมแบบแผ่นก็ยังคงมีอยู่ไม่มีทางหายไปจากตลาดง่าย ๆ เพราะคนบางส่วนมองว่าเกมแบบแผ่นมันคือคุณค่าทางจิตใตที่จับต้องได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน ตราบเท่าที่แผ่นเกมกับเครื่องยังไม่พังเราก็ยังคงหยิบเกมเหล่านั้นมาเล่นได้อยู่ นี่ยังไม่นับการขายแผ่นมือ 2 แบบที่แผ่นเกม PlayStation รุ่นเก่ามีอยู่ตอนนี้ ดังนั้นสายเก็บแผ่นก็สบายใจได้