วนกลับมาอีกครั้งกับช่วงเวลาที่หลาย ๆ คนรอคอยกับงาน Apple Event 2025 ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากมาย และพลาดไม่ได้เลยกับดาวเด่นของงาน iPhone ที่ตอนนี้ก็มาถึงรุ่น iPhone 17 แล้ว แต่ปีนี้พิเศษกว่าทุกปี เพราะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ iPhone Air

ซึ่ง Apple ได้ประกาศว่า ตั้งแต่รุ่น iPhone 17 ทั้งหมดจะมีการปรับความจุขั้นมาตรฐานเริ่มต้นที่ 256GB เริ่มเปิดให้สั่งซื้อพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน เริ่มตั้งแต่เวลา 19:00 น. ประเทศไทย และเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 19 กันยายน
iPhone 17

เริ่มต้นกันที่ Iphoine 17 รุ่นธรรมดา ที่ปีนี้มาพร้อมกับชิพ A19 ที่ปรับปรุงใหม่เพื่อให้รองรับ Apple Intelligence ไม่ว่าจะเป็น CPU GPU Neural Engine และ Display Engine รองรับ Always On Display และจอรีเฟรชเรท 120Hz เหมือนกับรุ่นโปรตัวก่อนหน้า ซึ่งหากเราไม่ได้ใช้งานจอจะปรับลงไปที่ 1Hz อัตโนมัติ และความความสว่างหน้าจอสูงสุดถึง 3000nits
ในส่วนของกล้อง iPhone 17 กล้องหลังยังคงเป็นกล้องคู่แนวตั้ง มาพร้อม Optical Telephoto ขนาด 2x มีการปรับปรุงกล้องหน้าครั้งใหญ่ กล้องละเอียด 12 ล้านพิเซล เซนเซอร์สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ใหญ่ขึ้น พร้อม Center Stage ที่ทำให้เราอยู่ตรงกลางตลอดการถ่ายภาพหรือวิดีโอคอล ช่วยรองรับการถ่ายภาพทั้งสองทิศทางแนวตั้ง - แนวนอน โดยที่ไม่ต้องหมุนตัวเครื่อง ตอบรับการทำคอนเทนต์ด้วยการถ่ายภาพหรือวิดีโอ
มาพร้อม 5 สีให้เลือกใช้งาน Lavender, Mist Blue, Black, White และ Sage
ราคา iPhone 17
- 128GB : 32,900 บาท
- 256GB : 36,900 บาท
- 512GB : 45,900 บาท
iPhone Air

ดาวเด่นของงานที่หลาย ๆ คนรอคอย และอาจเห็นภาพหลุดกันมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยรุ่น Air จะเป็นสมาร์ทโฟนของ Apple ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยความหนาเพียง 5.6 มม. เท่านั้น มาพร้อมหน้าจอ 6.5 นิ้ว จอรีเฟรชสูงสุด 120Hz ความสว่างสูงสุด 3,000nits เคลือบ Ceramic Shield 2 ที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง Apple เคลมว่า "แข็งแรงทนทานที่สุด" เท่าที่เคยมีมา
ใช้งานชิพตัวใหม่ A19 Pro ชิพที่ทรงพลังที่สุดของ Apple มีการใช้งานชิพเชื่อมต่อตัวใหม่ "N1" ที่เพิ่มการรองรับ WiFi 7 , Bluetooth 6 และ Thread ซึ่งจะรวมเข้าไว้ในชิพเดียวกัน รวมถึงชิพโมเดมใหม่ "C1X" ที่เร็วกว่าชิพ C1 ถึงสองเท่า

นอกจากนี้ยังเคลมอีกว่ารุ่น Air จะมีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน สามารถเล่นวิดีโอต่อเนื่องนานถึง 40 ชั่วโมง เมื่อใช้งานกับแบตเตอรี่ MagSafe ของ iPhone Air ที่สำคัญคือ รุ่น Air จะรองรับเฉพาะ e-SIM เท่านั้น
iPhone Air มาพร้อมระบบกล้องหลังตัวเดียวความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ระยะเดียวไม่สามารถถ่าย Ultra Wild ได้ กล้องหน้าเซลฟี่ 18 ล้านพิกเซล รองรับฟีเจอร์ Center Stage แบบเดียวกับ iPhone 17 รุ่นธรรมดา มาพร้อมระบบใหม่ Center Stage ที่ผสานกล้องหน้าและกล้องหลังเข้าด้วยกัน ช่วยให้บันทึกวิดีโอจากกล้องหลังไปพร้อม ๆ กับเก็บภาพวิดีโอจากกล้องหน้าได้ด้วย
มาพร้อม 4 สีให้เลือกใช้งาน Space Blace, Cloud White, Light Gold และ Sky Blue
ราคา iPhone 17 Air
- 128GB : 37,900 บาท
- 256GB : 41,900 บาท
- 512GB : 50,900 บาท
iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max

iPhone 17 Pro และ Pro Max รุ่นตัวท็อปกลับมาอีกครั้งด้วยตัวเครื่องอะลูมิเนียม โดดเด่นด้วย "กล้องหลังแบบ Full-width" ที่ยังคงเอกลักษณ์กล้อง 3 ตัวหลังเอาไว้เหมือนเดิม แต่เป็นครั้งแรกที่รุ่น Pro ใช้เซ็นเซอร์ 48 ล้านพิกเซล เลนส์เทเลโฟโต้ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพิ่มความละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม สามารถซูมแบบ optical ได้สูงสุด 8x กล้องหน้าความละเอียด 18 ล้านพิกเซล และมี Center Stage เช่นกัน สามารถถ่ายวิดีโอแบบ Dual Capture หน้าหลังพร้อมกันได้
รุ่น 17 Pro มีขนาดหน้าจอ 6.3 นิ้ว ในขณะที่ 17 Pro Max มีขนาด 6.9 นิ้ว จอรีเฟรชสูงสุด 120Hz ความสว่างสูงสุด 3,000nits เคลือบ Ceramic Shield 2

ในส่วนของชิพจะใช้งาน A19 Pro อันทรงพลังของ Apple ชิป 3 นาโนเมตร มี CPU 6 คอร์ และ GPU 5 คอร์ ซึ่ง Apple เคลมว่า "เร็วที่สุด" เพิ่มความจุแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา iPhone ทุกรุ่น และ มีอายุการใช้งานที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
มาพร้อม 3 สีให้เลือกใช้งาน Silver, Cosmic Orange (มีใหม่) และ Deep Blue
ราคา iPhone 17 Pro
- 256GB : 45,900 บาท
- 512GB : 54,900 บาท
- 1TB : 63,900 บาท
ราคา iPhone 17 Pro Max
- 256GB : 48,900 บาท
- 512GB : 57,900 บาท
- 1TB : 66,900 บาท
iPhone 17, iPhone 17 Air และ iPhone 17 Pro/Pro Max เริ่มเปิดให้สั่งซื้อพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน และเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 19 กันยายน