
ผ่านมากว่า 20 ปีที่เกม Metal Gear Solid 3 Snake Eater วางจำหน่าย และแสดงความสุดยอดทั้งแง่เสียชื่นชมจากคนเล่นและสื่อ รวมถึงยอดขายที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของซีรีส์ Metal Gear Solid จนสร้างเป็นมาตรฐานให้เกมแนวลอบเร้นในยุคนั้นต้องทำตาม และในตอนนี้กระแสคนกินงูกลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ใน Metal Gear Solid Delta Snake Eater ที่เป็นการเอาตัวเกม Metal Gear Solid 3 Snake Eater ฉบับเก่ามาทำใหม่ทั้งหมด ชนิดแบบก็อปแปะวางแต่เปลี่ยนกราฟิก และการควบคุมกับหน้าเมนูใหม่เล็กน้อย ขนาดเสียงพากย์ยังใช้ของเดิมไม่มีเพิ่มไม่มีตัด ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาให้แฟนเกมทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่เป็นอย่างมาก และเมื่อทาง Digital Foundry ได้เกมมาตรวจสอบ ก็พบว่าตัวเกม Metal Gear Solid Delta Snake Eater บน PS5 ธรรมดาเล่นดีกว่าบน PS5 Pro เฉย
โดยเรื่องราวนี้มาจากทาง Digital Foundry ที่ได้ตัวเกม Metal Gear Solid Delta Snake Eater บน PlayStation 5 มาเล่นในการทดสอบเบื้องต้น แฟน ๆ ที่คาดหวังว่าเครื่อง PS5 Pro อาจจะเล่นตัวเกมได้ลื่นและสวยกว่าตัว PS5 ปกติอาจจะแอบขัดใจ เพราะเมื่อทีมงานเปรียบเทียบเกมดังกล่าวแบบเคียงข้างกันบน PS5 กับ PS5 Pro ทั้งสองเครื่อง ตัว PS5 Pro มีอัตราเฟรมลดลง โดย PS5 มาตรฐานทำงานที่ประมาณ 48-60 FPS ในโหมด Performance แต่ในบางพื้นที่อาจลดลงต่ำถึง 30-50 FPS อย่างไรก็ตาม อัตราเฟรมของ PS5 Pro โดยเฉลี่ยต่ำกว่าโหมด Performance ของ PS5 โดยมีการลดลงในพื้นที่ที่ PS5 ทำงานได้ดี และมีช่วง 30-60 FPS ในพื้นที่ที่มีผู้ใช้หนาแน่น เมื่อดูแบบเคียงข้างกัน PS5 ในโหมด Performance มีค่าเฉลี่ยสูงกว่า PS5 Pro อยู่ 7 เฟรมต่อวินาทีด้วยกัน

เอาจริง ๆ มันอาจจะดูไม่ออกหรือไม่รู้ถ้าไม่มีการเปรียบเทียบเป็นตัวเลข และผู้เล่นบางคนอาจไม่ได้กังวลกับเฟรมเรตที่ลดลงพวกนี้ แต่ก็ยังน่าเสียดายอยู่ดีที่เกมบน PS5 Pro ที่น่าจะดีกว่ากลับมีค่าตัวเล็กที่น้อยกว่า ที่เปรียบเทียบฉากป่าระหว่างสองคอนโซล PS5 ในโหมด Performance แสดงความละเอียด 864p ในขณะที่โหมด Quality จะแสดงความละเอียด 1412p แต่ PS5 Pro กลับแสดงความละเอียดได้เพียง 756p แม้ว่า PS5 Pro จะใช้ PSSR เพื่อยกระดับภาพแล้ว แต่ทาง Digital Foundry ยังพบว่าภาพที่สร้างขึ้นใหม่ของ PS5 Pro ดูเหมือนจะไม่สามารถให้ความคมชัดเท่ากับ PS5 รุ่นพื้นฐาน PSSR ยังดูเหมือนจะมีปัญหาเรื่องการลดสัญญาณรบกวน ทำให้ภาพบน Pro สั่นไหวมากกว่าตัวคอนโซลมาตรฐาน

อย่างที่บอกไปว่ามันคือการเปรียบเทียบค่าตัวเลขเมื่อเราเอาตัวเกมมาวัดคุณภาพกราฟิกกับค่าเฟรมเรต แต่ถ้าดูด้วยตาเปล่าเราก็คงแยกไม่ออกกันหรอก ซึ่งถ้าเลือกได้และไม่ติดเรื่องเงินที่ซื้อเครื่อง คนที่มี PS5 ปกติก็คงอยากได้ PS5 Pro ทั้งนั้น และหลายคนก็คงอยากให้ภาพสวยและลื่นบน PS5 Pro แบบไม่ต้องเลือกทั้งนั้น ดังนั้นข่าวนี้จึงเป็นแค่การบอกเชิงตัวเลขเท่านั้นไม่ใช่การด้อยค่า PS5 Pro แต่อย่างใด ซึ่งพอเกมออกทาง Konami ก็น่าจะแก้ไขจุดนี้อย่างแน่นอน ส่วน PC ไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะของเขาโอเคอยู่แล้ว ส่วนใครที่มีเครื่อง PS5 Pro ก็ไม่ต้องน้อยใจเพราะเล่นไปก็ดูไม่ออกตอนเล่นแค่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ก็พอ