เข้าฉายรับหยุดวันแม่กันไปเลยกับ "ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ปราสาทไร้ขอบเขต" (Demon Slayer – Kimetsu no Yaiba: Infinity Castle – Part 1) ที่กลับมาสานต่อเรื่องราวสุดเข้มข้นของสงครามระหว่างมนุษย์กับอสูร ที่ตอนนี้ก็เข้าใกล้ตอนจบเข้าไปทุกทีแล้ว

เรื่องราวในภาคปราสาทไร้ขอบเขตจะเป็นการดำเนินเรื่องต่อมาจากเวอร์ชันอนิเมซึ่งจบที่การสั่งสอนของเสาหลัก ย้อนความกันสักเล็กน้อย หลังจากที่ คิบุทสึจิ มุซัน ได้ไปหา อุบุยาชิกิ คางายะ ผู้นำของหน่วยพิฆาตอสูรซึ่งกำลังจะสิ้นใจ ซึ่งคางายะได้แอบวางกับดักสุดโหดเอาไว้ ด้วยการร่วมมือกับทามาโยะ ใช้มนตร์โลหิตอสูรทำให้มุซันอ่อนแอและตรึงร่างเอาไว้ บรรดาเสาหลักของหน่วยพิฆาอสูร รวมถึงกลุ่มของ คามาดะ ทันจิโร่ ที่โกรธแค้น บุกเข้ามาโจมตีมุซันที่อ่อนกำลัง แต่กลับถูกดึงเข้าไปยังปราสาทไร้ขอบเขต
เริ่มเรื่องมาก็เข้าจะเป็นฉากเบา ๆ บอกเล่าเล็กน้อย ก่อนพาเราเข้าสู่ฉากต่อสู้ของหน่วยพิฆาตอสูรที่ตอนนี้ต่างโดนจับแยกกระจัดกระจายกันออกไปในพื้นที่ปราสาทไร้ขอบเขต โดยแบ่งเป็น ทันจิโร่กับกิยู, มิตสึริกับอิกุโระ, ฮิเมจิมะกับโทคิโท ส่วนเซนอิตสึ, อิโนะสุเกะ, ชิโนบุ, ซาเนมิ, เกนยะ และ คานาโอะ ต่างถูกแยกออกไปลำพัง ซึ่งทุกคนจะต้องพยายามหามุซันให้เจอก่อนที่จะฟื้นกำลังขึ้นมาได้

ตัวหนังจะเล่าเรื่องไปทีละช่วงการต่อสู้ ผสมไปกับการเล่าเรื่องราวภูมิหลังของตัวละครที่ขยี้ไปที่ปมของแต่ละตัวแบบเน้น ๆ อย่างของชิโนบุก็จะเล่าเรื่องราวของ คานาเอะ โกโช อดีตเสาหลักดอกไม้และพี่สาวของเธอ ถึงสาเหตุของการเข้าร่วมหน่วยพิฆาตอสูรของสองพี่น้องและการแก้แค้นของชิโนบุ
เรื่องราวของเซนอิตสึที่ครั้งมานี้มาพร้อมความคมเข้มไม่หมือนที่ผ่านมา เผยความสามารถสุดเจ๋งที่แท้จริงจนต้องมองเซนอิตสึใหม่อีกครั้งเลยทีเดียว และการกลับมาเจอกันอีกครั้งของทันจิโรและอากาสะ ที่ครั้งนี้เป็นเหมือนการล้างแค้นให้กับเคียวจูโรเมื่อครั้งศึกรถไฟนิรันดร์ แต่เราจะได้รับชมอะไรที่มากกว่าการต่อสู้ เพราะหนังจะพาลงลึกไปถึงเรื่องราวความเป็นมาของอากาสะก่อนที่จะกลายมาเป็นอสูร เปิดเผยปมในใจอันน่าเศร้าจนอาจเผลอใจอ่อนหรือเสียน้ำตาให้กับอสูรข้างขึ้นสุดโหดตนนี้เลยทีเดียว




ในส่วนของการเล่าเรื่องจัดว่าทำได้ดีอย่างมาก การสอดแทรกมุกตลกขำ ๆ สไตล์คิเมสึเอาไว้เป็นระยะ มีช่วงผ่อนการเล่าเรื่องแบบเบา ๆ ซึ่งไม่ทำให้เรารู้สึกตึงกับเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยปมและฉากการต่อสู้เข้มข้น อีกทั้งลำดับการเล่าเรื่องก็เป็นไปตามขั้นตอนทำให้เราเข้าถึงตัวละครได้เป็นอย่างดี
ส่วนงานภาพไม่ต้องบรรยาใด ๆ ให้มากความ ทุกฉากงานดีไม่มีเผา สวยงามอลังการทุกฉาก ไม่ว่าจะเป็นฉากภาพรวมของปราสาทไร้ขอบเขตที่อลังการสมชื่อ ฉากการต่อสู้จัดเต็มแอคชันลื่นไหล ไปจนถึงฉากสะเทือนอารมณ์ที่บีบคั้นได้แบบสุด ๆ สมกับเป็นสตูดิโอ ufotable ที่เป็นผู้รับผิดชอบมาตลอดนับตั้งแต่ฉาย EP1 ผสมกับเพลงประกอบ และเสียงพากย์ที่เข้าถึงอารมณ์ บอกได้เลยว่า นี่เป็นภาพยนตร์อนิเมชันอีกเรื่องที่แค่ตีตั๋วเข้าไปดู ก็จัดว่าคุ้มแล้วสำหรับงานคุณภาพขั้นเทพเรื่องนี้
ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ปราสาทไร้ขอบเขต ภาค 1 อีกหนึ่งภาพยนตร์อนิเมชันความยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะแฟน ๆ ซีรีส์ดาบพิฆาตอสูร เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้ของจุดจบเรื่องราวเพียงเท่านั้น แต่ยังได้ลงไปสำรวจลึกถึงตัวละครที่เราชื่นชอบและผูกพันมาอย่างยาวนานอีกด้วย