
เล่นเอานักพัฒนาเกมของญี่ปุ่นมึนงงจนต้องขอยาดมกันเลยทีเดียว เมื่อเขาทราบข่าวของเทรนนักเล่นเกมยุคนี้ ที่เริ่มเบื่อความสวยสมจริงของานภาพกราฟิก แต่ดันไปชื่นชอบต้องการเกมกราฟิกเหลี่ยม ๆ แบบเก่าสมัย PlayStation 1 ที่เหล่านักพัฒนาเกมในยุคก่อนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันคือสิ่งที่นักพัฒนาไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ (หมายถึงเหลี่ยม ๆ หยัก ๆ แบบ PlayStation 1) แต่ด้วยเทคโนโลยีในยุคนั้นมันทำได้ดีสุดเท่านี้ ซึ่งนักพัฒนาในยุคนั้นต่างก็ไม่พอใจกับกราฟิกแบบนี้ พอมายุคนี้ที่สามารถทำกราฟิกได้สวยสมจริง นักพัฒนาเกมเลยใส่สุดกันเต็มที่ แต่พอเป็นแบบนั้นคนเล่นเกมยุคนี้กลับไปชอบกราฟิกเหลี่ยม ๆ จนทาง Unity Japan ออกชุดพัฒนากราฟิกเหลี่ยม ๆ แบบนี้ออกมา นักพัฒนาต้องออกมาบ่นให้เราได้รู้
โดยเรื่องราวนี้มาจาก X ของคุณ ซูกิโมโตะ โคจิ นักพัฒนาเกมซีรีส์ Final Fantasy รู้สึกประหลาดใจกับกระแสความคิดถึงถึงกราฟิกยุค PlayStation 1 ที่แพร่หลายในหมู่เกมเมอร์ตอนนี้ เขากล่าวถึงเรื่องนี้บน X ว่า เรื่องนี้มันทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่ทีมงานของเขาทำงานอย่างหนัก เพื่อลดปัญหาภาพกราฟิกต่าง ๆ ของ PS1 ซึ่งผู้เล่นหลายคนดูเหมือนจะมองข้ามไปในปัจจุบัน โดยคุณ สุกิโมโตะก็ไม่ใช่ไก่กาอาลาเล่ แต่เขาเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการเกมมากประสบการณ์ มีผลงานการพัฒนาเกมมากถึง 20 เกม โดยเริ่มจากการเขียนโปรแกรมวิชวลเอฟเฟกต์ให้กับเกม Chrono Trigger เวอร์ชัน Super Famicom ตั้งแต่ปี 1995 ผลงานของเขาที่เด่น ๆ เลยก็มี Final Fantasy 10, Final Fantasy 10-2, Crisis Core Final Fantasy 7 และ The 3rd Birthday นอกจากนี้เขายังมีผลงานอีกสามเกมสำหรับเครื่อง PlayStation ดั้งเดิม ได้แก่ Chrono Trigger, Xenogears และ Threads of Fate อีกด้วย
คุณซูกิโมโตะเพิ่งเปิดเผยว่า เขาไม่เข้าใจถึงความโหยหากราฟิกยุค PS1 ที่มีจำนวนโพลีกอนต่ำและภาพแตก ๆ แบบนั้น เขาเล่าถึงประสบการณ์ในอุตสาหกรรมของตัวเอง เมื่อได้เห็นกราฟิกใหม่ล่าสุดของทาง Unity Japan ที่เป็นฟีเจอร์เอนจินใหม่ที่สามารถจำลองการบิดเบี้ยวของพื้นผิวแบบ PS1 ได้ (วิดีโอด้านบน) คุณซูกิโมโตะเล่าว่าความผิดเพี้ยนดังกล่าว เกิดจากข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ในยุคนั้น ซึ่งเคยเป็นปัญหาที่นักพัฒนาในตอนนั้นปวดหัวกับการแก้ปัญหานี้ และเป็นสิ่งที่ทีมของเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขจัดหรืออย่างน้อยที่สุดให้เหลือน้อยที่สุด “ในตอนนั้นพวกเราใช้ความพยายามอย่างเปล่าประโยชน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดเพี้ยนนี้ แต่ทุกวันนี้ผู้คนเรียกมันว่ามีเสน่ห์” คุณซูกิโมโตะบอกแบบนั้น

และสำหรับคนที่ไม่ทราบคอนโซล PS1 รุ่นดั้งเดิม จะมีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสามารถในการเรนเดอร์กราฟิก หนึ่งในข้อจำกัดเหล่านั้นคือการไม่มีบัฟเฟอร์ความลึก ซึ่งเป็นหน่วยความจำชนิดหนึ่ง ที่ช่วยให้คอนโซลกำหนดว่าพื้นผิวใดควรมองเห็นได้ และพื้นผิวใดควรซ่อนอยู่หลังพื้นผิวอื่น หากไม่มีบัฟเฟอร์นี้นักพัฒนาจะต้องสั่งคอนโซลด้วยตนเอง ว่าต้องวาดรูปหลายเหลี่ยมแต่ละรูปอย่างไร ซึ่งผลจากการออกแบบ GPU นี้ ทำให้ PS1 ต้องอาศัยการทำแผนที่พื้นผิวแบบ affine โดยข้อจำกัดนี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้วัตถุบางอย่างในเกม PS1 บางเกมอาจดูบิดเบี้ยวโยกเยก หรือแม้กระทั่งลอยไปตามพื้นผิวเมื่อมองจากมุมที่กำหนด หรือพูดง่าย ๆ คือความเหลี่ยมนี้มาจากตัวเครื่องเกม ที่นักพัฒนาต้องมาคำนวนเพื่อสร้างกราฟิกให้ออกมาดูดีที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก ๆ ในยุคนั้น

ถ้าให้สรุปง่าย ๆ คือทางอดีตนักพัฒนารุ่นเก่าพอรู้ว่าทาง Unity Japan มีการเพิ่มระบบการทำกราฟิกแบบ PS1 ก็รู้สึกงงและไม่ค่อยพอใจ เพราะในยุคสมัยที่ลุงแกสร้างเกม การลบเหลี่ยมการทำกราฟิกให้สมจริงที่สุด คือสิ่งที่คนยุคนั้นพยายามทำมาก ๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่จำกัดเลยทำได้แค่นั้น พอมายุคนี้คนเล่นกลับชอบกราฟิกแบบนี้ PS1 ที่เขาพยามไม่ให้มันเป็นเลยออกมาบ่นทำนองงง ๆ อยากรู้ว่าทำไมคนเล่นถึงชอบโหยหากราฟิกแบบนั้น ซึ่งต่างคนก็ต่างคิดต่างความชอบ การมีเกมหลายแบบหลายแนวมันก็ดีสำหรับคนเล่นอย่างเรา ขอแค่เกมมันสนุกแค่นั้นก็พอแล้ว