
หลังจากที่ห่างหายจากความมืดมนของการสืบสวนคดีประหลาดในโรงเรียน กับสาวน้อยนักสืบแห่งบ้านอดัม อย่าง เวนส์เดย์ อดัม ก็กลับมาอีกครั้งในซีรีส์ซีซันที่ 2 กับความมืดมนที่มากขึ้น และปริศนาใหม่ที่รอเวนส์เดย์ มาสืบสวนในซีรีส์ Wednesday ซีซันที่ 2 ที่ในคราวนี้จะแบ่งเป็น 2 พาร์ท โดยพาร์ทแรกจะมา 4 ตอนซึ่งฉายแล้วตอนนี้ทาง Netflix กับพาร์ทที่ 2 จะมาในเดือนกันยายน กับการเฉลยปมทุกอย่างที่ค้างคา ซึ่งในพาร์ทแรกนั้นก็เป็นการจบเรื่องราวในตัวเองเรียบร้อย ก่อนจะปูไปสู่เรื่องราวต่อไป ดังนั้นเราเลยขอหยิบ Wednesday ซีซันที่ 2 พาร์ทที่ 1 ทั้ง 4 ตอนมารีวิวให้คุณได้อ่านกัน เพื่อว่าใครที่สนใจจะได้รู้ว่าซีซันที่ 2 นี้จะยังคงสนุกน่าสนใจอยู่ไหมมาดูกันมาดูกัน
สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักซีรีส์ Wednesday คือเรื่องราวของ เวนส์เดย์ อดัม ลูกสาวคนโตของบ้าน อดัม ที่เป็นสาวน้อยที่ชอบควมมืดมนไม่ชอบสีสันไม่ชอบความสดใจ เธอสนใจความตายศาสตร์มืดการทรมานและการฆ่า ซึ่งเธอก็ผ่านทุกอย่างมาหมดแล้วจากการฝึกสอนในครอบครัว จนเธอได้มาเรียนในโรงเรียน Nevermore จนทำให้เธอได้พบเพื่อนใหม่ อย่างมนุษย์หมาป่าที่ชอบเบียวเป็นแมวอย่าง อีนิด และเพื่อนอีกหลายคน ที่เป็นพวกคนประหลาดที่อยู่รวมกันในโรงเรียน ที่พอมาเวนส์เดย์มาถึงเธอก็เจอคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่ออกฆ่าคน และความลับที่เกี่ยวกับพ่อของเธอรวมถึงหลาย ๆ อย่างในโรงเรียนนี้ จนมาถึงซีซันที่ 2 เวนส์เดย์ที่ได้เห็นนิมิตว่าอีนิดเพื่อนรักรูมเมทจะต้องตาย (มีในตัวอย่าง) เวนส์เดย์เลยพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้น เธอจึงรีบตามหาตัวคนร้ายก่อนที่มันจะสายเกินไป นั่นคือเรื่องราวของ Wednesday ซีซั่น 2

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาสำหรับคนที่เคยดู Wednesday ซีซันแรกมาแล้วและไม่ได้ดูซ้ำ แนะนำให้ไปหาซีซัน 1 มาดูใหม่ตั้งแต่ต้นก่อน เพราะเนื้อหาในซีซันที่ 2 นั้นจะเริ่มต้นต่อจากซีซันแรกแบบทันที และแม้จะมีการย้อนความซีซันแรกให้ดู แต่เชื่อเถอะว่าบางรายละเอียดบางตัวละครคุณก็ลืมไป ดังนั้นเพื่อความต่อเนื่องไปดู Wednesday ซีซั่น 1 ก่อนแบบที่ผู้เขียนทำ เพราะมันจะทำให้คุณดูซีซัน 2 สนุกและเข้าใจมากขึ้น เอาละเมื่อเข้าใจตรงกันแล้วเราก็มดูเรื่องราวใน Wednesday ซีซั่น 2 กัน โดยเรื่องราวในซีซัน 2 นี้จะสานต่อจากซีซันแรกที่เวนส์เดย์ได้รับพลังพิเศษ ในการเห็นนิมิตจากการสัมผัสสิ่งของหรือผู้คนที่มีสิ่งตกค้างอยู่ ซึ่งเวนส์เดย์ก็ฝึกฝนใช้พลังนี้จนสามารถควบคุมมันได้ และใช้มันทำสิ่งต่าง ๆ อย่างการตามหาคนร้ายในคดีฆาตกรรมที่ตำรวจหาไม่เจอ
และในช่วงหลัง ๆ ที่เธอใช้พลังจะมีน้ำตาสีดำไหลออกมา โดยที่เวนส์เดย์ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะตอนนี้วิญญาณนำทางที่เป็นผีบรรพบุรุษไม่อยู่แล้ว (งงแล้วซินะว่าวิญญาณนำทางคือใคร) และพอเข้าเรียนเวนส์เดย์ที่เป็นฮีโรในเทอมก่อนเลยกลายเป็นคนดัง ซึ่งพอเธอมาเรียนก็เริ่มมีภัยร้ายใหม่เข้ามาในชีวิตเธอ พร้อมครูใหญ่คนใหม่ที่ดูไม่เป็นมิตร ซึ่งอย่างที่บอกว่าเนื้อเรื่องจะมาเร็วไปเร็วมาก ๆ เพราะไม่จำเป็นต้องปูเนื้อเรื่องแนะนำตัวละครแล้ว มาถึงก็ใส่เรื่องราวปริศนารัว ๆ เลย แถมในภาคนี้ก็เป็นการใส่ตัวละครใหม่ ๆ และตัวละครเก่าให้มาอยู่ในเรื่องแบบลงตัวและพอดี (บางตัวละครก็ถูกตัดทิ้งไปเลยเพราะนักแสดงมีปัญหา) ที่ดูก็รู้เลยว่าคนเขียนบทคิดเนื้อเรื่อง ใช้เวลาคิดเรื่องราวเนื้อหาอย่างดี ไม่ใช่เร่งเขียนรีบแต่งจนเนื้อเรื่องมั่ว ซึ่งนั่นคือข้อดีเพราะใน 4 ตอนแรกก็เป็นการสรุปจบเนื้อหาได้ครบไม่ทิ้งให้เราคนดูขัดใจ ก่อนจะจบในตอนที่ 4 แบบให้เราลุ้นว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องชมคือการใส่ตัวละครทุกตัวให้มีบทบาทในเรื่อง อย่างพ่อแม่น้องชายและลุงของครอบครัวอดัมที่จะมีบทมากขึ้น และไม่ใช่การยัดตัวละครเพื่อให้ต้องมี แต่มันคือการใส่เพื่อให้เนื้อเรื่องมีประเด็นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างเวนส์เดย์กับแม่ ปริศนาของน้าสาวน้องของแม่ที่มีพลังเวนส์เดย์แต่เธอกลายเป็นบ้า การปกป้องไม่ให้อีนิดตาย ตัวร้ายที่ฆ่าคนโดยใช้อีกา นี่ยังไม่นับประเด็นของอีนิดที่คิดจะเลิกกับแฟน ปมเรื่องแม่ของ เบี้ยนก้า (น้องไซเรน) ซอมบี้ปริศนาที่มีหัวใจเครื่องจักร ครูใหญ่คนใหม่ที่น่าสงสัย นี่ยังไม่นับศัตรูเก่าที่ถูกจับในภาคก่อน และศัตรูใหม่ที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตของเวนส์เดย์ เรียกว่า 4 ตอนใส่ครบจัดเต็มเลยทีเดียว ขณะที่ปริศนาที่เหลือก็จะไปเล่าต่อในอีก 4 ตอนท้าย อ้อเกือบลืมในคราวนี้เราจะได้รู้เรื่องราวของ ติง เพิ่มอีกด้วย

มาที่ข้อเสียกันบ้าง อย่างที่บอกไปว่าเนื้อเรื่องจะไม่มีการปูเนื้อหาแต่จะเล่าต่อไปทันที ที่ถ้าคุณจำตัวละครเนื้อเรื่องไม่ได้บอกเลยว่างงแน่นอน อย่างมือถือที่เวนส์เดย์บอกว่าหายไป (แต่นางเอาไปโยนลงบ่อน้ำกรด) หลายคนต้องงงแน่ ๆ ว่ามือถืออะไร และเมื่อดูในเนื้อหาคุณจะเห็นการดำเนินเรื่องที่คล้ายซีซันแรกมาก ๆ ทั้งการเปิดตัวในโรงเรียน แนะนำตัวละครปริศนาที่ดูแล้วแทบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง (แต่เกี่ยว) ตัวละครต่าง ๆ ที่น่าสงสัยอย่าง จิตแพทย์คนใหม่ ครูใหญ่ ครูที่มาสอนแทนคนก่อน รวมถึงเพื่อนรวมทีมคนใหม่ เทศกาลประจำโรงเรียน การจุดไฟเผาอะไรบางอย่างต่อหน้าผู้คน และลุงเฟสเตอร์ที่มาช่วย ที่เรียกว่าเดินตามรอยภาคแรกแบบบทต่อบทเลยทีเดียว

อีกหนึ่งข้อเสียที่หลายคนมองข้ามไป นั่นคือประเด็นในเรื่องที่ตัวซีรีส์พยายามยัดเนื้อหาลงมาใน 4 ตอนแรก ซึ่งถ้าเราไม่นับปมประเด็นต่าง ๆ ของตัวละครที่ถูกเอามาใส่ ซึ่งอันนั้นมันคือข้อดีและต้องมี แต่สิ่งที่ถูกยัดลงไปใน Wednesday ซีซั่น 2 คือเนื้อหาที่เอาจริง ๆ ไม่ต้องมีก็ได้ อย่างตัวละครปริศนาที่ชวนเวนส์เดย์เล่นเกมเชือด หรือเกมชิงไข่ในค่ายที่เอาจริง ๆ มันไม่ต้องมีหรือสรุปเนื้อหาให้สั้นกว่านี้ได้ แต่ทางคนเขียนบทก็ต้องใส่ เพื่อให้เรื่องราวมันยืดจนครบ 4 ตอน ซึ่งปลายทางของเนื้อหานั้นมันก็ไม่มีอะไรสำคัญเลยด้วยซ้ำ เพราะเนื้อเรื่องจริง ๆ ของ 4 ตอนแรกในซีรีส์มันมีนิดเดียว ทางคนเขียนบทเลยต้องหาอะไรที่น่าสนใจใส่ลงมา เหมือนถูกยืดเพื่อให้ซีรีส์มันยาวงขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้าตัด 2 เรื่องนี้ออกไปซีรีส์สามารถสรุปจบได้ใน 2 ตอนได้เลย แต่อย่างว่าเดี๋ยวมันจบเร็วไปเลยต้องมี
โดยรวมซีซันที่ 2 ก็ยังคงเส้นคงวาความสนุกน่าสนใจอยู่ แม้มันจะไม่เชื่อมโยงกับภาคแรกในหลายส่วน อย่างในซีซันแรกที่ทิ้งท้ายว่ามีคนอยู่เบื้องหลังของสัตว์ประหลาด แต่พอมาซีซัน 2 ก็ไม่ได้พูดถึง และอีกเรื่องคือตัวร้ายซีซันนี้เหมือนอยากเปิดโปงตัวเอง แบบถ้าพี่แกฆ่าให้ดูเป็นอุบัติเหตุหรือฆ่าแบบธรรมดาคงไม่สงสัย นี่เล่นฆ่าโดยใช้อีกามาจิกจนคนสงสัย รวมถึงเนื้อหาที่ยืดเพื่อให้ซีรีส์ยาวจนครบ 4 ตอน แต่ตัวซีรีส์ก็กลบส่วนที่แย่ด้วยปมตัวละครประเด็นเนื้อเรื่อง และการสรุปในตอนท้ายว่าสิ่งร้าย ๆ ที่จะเกิดขึ้นบางทีมันก็มาจากการกระทำของเวนส์เดย์เอง ที่ถ้าเธอไม่ลงมือและปล่อยมันทุกอย่างคงไม่เกิด แบบที่แม่ของเวนส์เดย์เตือนมาตลอดตั้งแต่ซีซันแรก

ถ้าให้สรุป Wednesday ซีซั่น 2 ก็ยังคงเส้นคงว่าความสนุกตัวละครที่มีเสน่ห์น่ารัก นักแสดงทุกคนเข้าถึงบทบาท เสียงพากย์ไทยก็ยังดีงามเหมือนเดิม และเนื้อเรื่องที่แม้จะเอารูปแบบของซีซันแรกมาใช้ซ้ำ แต่ก็เพิ่มปมต่าง ๆ และปริศนาใหม่ ๆ ลงมาอย่างลงตัว แถมมันยังทำให้เราอยากดูซีซันที่ 2 พาร์ท 2 ต่อว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนคะแนนขอให้ที่ 7.2 เต็ม 10 อีนิดและเวนส์เดย์ยังคงน่ารักเคมีเจ้ากันเหมือนเดิม เรื่องราวการสืบสวน ความแปลกแต่น่ารักของพ่อแม่ และที่ชอบสุดคือมีซอมบี้กินสมอง ใครสนใจไปดูได้แล้วตอนนี้บน Netflix ตอนนี้เลย ส่วนพาร์ท 2 จะมาเดือนกันยายน ที่ถ้าซีซัน 2 พาร์ทสองมาเราจะเอามารีวิวอีกครั้งติดตามเอาไว้ได้เลย