
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาก็ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ขึ้นคำเตือน เกี่ยวกับเนื้อหาที่จะพูดถึงในอนิเมะเรื่อง กำเนิดบาปทาโกบี้ ทั้ง 6 ตอนนี้ว่า มันมีความรุนแรงทางด้านภาพอารมณ์ที่สื่อออกมา ทั้งงานภาพการใช้ภาษาและเนื่อหาที่เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย การถูกรังแก และความโลกสวยของคน ซึ่งถ้าคุณกำลังเครียดกับชีวิตเป็นโรคซึมเศร้าหรือกำลังมีปัญหารุมเร้ามากมาย ก็แนะนำให้เลี่ยงการดูอนิเมะเรื่องนี้ รวมถึงการอ่านเนื้อหาต่อไปจากนี้ด้วย เพราะมันอาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจคุณโดยไม่รู้ตัว ส่วนใครที่ชีวิตกำลังดีมีความสุขหรือจิตใจแข็งแกร่งพอที่จะรับเนื้อหาหนัก ๆ ได้ก็เข้ามาอ่านต่อได้เลย ส่วนใครที่ดูครบ 6 ตอนมาแล้วหรือยังไม่ได้ดูก็มาดูรีวิวกันว่ากำเนิดบาปทาโกปี้ทั้ง 6 ตอนจะเป็นอย่างไรและน่าสนใจขนาดไหนมาดูรีวิวกัน
เรื่องราวของ กำเนิดบาปทาโกบี้ จะบอกเล่าผ่านตัวละครมนุษย์ต่างดาวตัวสีชมพู ที่มีชื่อเรียกยากที่มาจากดาวแฮปปี้ซึ่งมีหน้าที่เอาของวิเศษที่ตัวเองมี มาสร้างความสุขให้มนุษย์บนดาวนี้ แต่พอมาถึงโลกยานอวกาศที่มนุษย์ต่างดาวสีชมพูตัวนี้โดยสารมาก็หล่นลงมาในญี่ปุ่น ตัวมนุษย์ต่างดาวสีชมพูจึงต้องแอบซ่อนตัวอยู่ที่รกร้าง ที่ดูแล้วเหมือนลานเด็กเล่นในเรื่อง Droraemon หลายวันผ่านไปมนุษย์ต่างดาวตัวนั้นก็ไม่กล้าไปเจอผู้คน จนมาเจอกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อ ชิซุกะจัง ที่ให้ขนมของกินทุกวัน พร้อมกับตั้งชื่อให้มนุษย์ต่างดาวชื่อเรียกยากนี้ว่า ทาโกปี้ หลังจากนั้นทาโกปี้ก็ได้ไปใช้ชีวิตกับชิซุกะจัง จนได้รู้ว่าชีวิตของเด็กน้อยคนนี้ช่างน่าสงสาร เธอถูกเพื่อนแกล้ง ถูกบูลี่จากเพื่อน ๆ พ่อแม่แยกทาง แม่ที่อยู่ด้วยก็ไม่สนใจ จะมีก็แต่ แชปปี้ หมาที่เป็นเหมือนเพื่อนของเธอเท่านั้น ที่เป็นเหมือนสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอ ทาโกปี้ที่ไร้เดียงสาจึงพยายามมอบความสุขให้เด็กสาว แต่มันจะเป็นความสุขจริง ๆ รึเปล่านั่นคือสิ่งที่คุณต้องมาหาคำตอบกัน

สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูและเพิ่งเข้ามาอ่านรีวิวนี้เป็นครั้งแรก ก็ขอแนะนำว่าถ้าคุณสามารถผ่านตอนแรกสุดของอนิเมะเรื่องนี้ไปได้ โดยที่ไม่รู้สึกอะไรคุณก็สามารถดูตอนต่อไปได้เลย แต่ถ้าคุณรู้สึกจิตตกรู้สึกแย่และมีความคิดด้านลบเมื่อดูอนิเมะตอนแรกจบ ก็ขอให้หยุดดูลงตรงนี้ (เราเตือนคุณแล้ว) เพราะแค่ตอนแรกของอนิเมะก็เล่นเอาคนดูที่ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น หรือไม่เคยดูตัวอย่างเรื่องย่อมาก่อน พอได้ดูตอนแรกต่างก็อึ้งทึ่งงงและตกใจกันทุกคน และพอเราผ่านตอนที่ 1 ไปได้ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 และตอนอื่น ๆ มันก็จะค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก และเนื้อหาก็จะขยายไปสู่ตัวละครอื่น ๆ อย่าง มารินะจัง เด็กที่รังแกชิซุกะจังที่ตอนแรกเราจะเกลียดตัวมารินะจังมาก ๆ ว่าทำไมต้องรังแกชิซุกะจังด้วย แต่พอเนื้อเรื่องดำเนินไปเราก็จะรู้ว่าทำไมน้องถึงแกล้งชิซุกะจัง ทุกอย่างมันมีมูลมีปมมีที่มาที่ไปในตัวของมันเอง

นอกจากนี้ก็มีเด็กแว่นอย่าง อาซุมะคุง ที่เป็นตัวละครที่ 3 ที่มาเกี่ยวกับตัวทาโกปี้ ที่ยิ่งเนื้อเรื่องดำเนินไปสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ ประมาณว่าทาโกปี้ยิ่งแก้ไขเรื่องราวให้ชิซุกะจังมีความสุข ชีวิตของชิซุกะจังมารินะจังและอาซุมะคุงยิ่งเละมากขึ้นไปอีก สมกับชื่อเรื่องอย่างบาปของทาโกปี้ จนเราคนดูอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะจบลงตรงไหน ซึ่งตลอดทั้ง 6 ตอนนั้นมันจะเต็มไปด้วยความทุกข์ของเด็ก ๆ ที่ผู้ใหญ่เอามาลงกับเด็ก ซึ่งไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นแต่ในบ้านเราก็น่าจะมีคนที่เจอแบบเด็ก 3 คนนี้อยู่อย่างแน่นอน และพอได้ดูเราจะยิ่งเข้าใจว่าทำไมตัวละครนี้ถึงเป็นแบบนี้ ทำไมตัวละครนั้นถึงทำอย่างนั้น รวมถึงมุมมองของเจ้าทาโกปี้ที่เป็นตัวละครโลกสวยที่เป็นตัวแทนคนดูที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ และบอกเราว่าจะเครียดไปทำไมยิ้มซิ เรื่องนี้นี้ร้องไห้ทำไมกัน เพราะคนแบบทาโกปี้ที่ไม่เคยเจออะไรแบบที่ 3 ตัวละครนี้เป็น เลยไม่รู้ว่าคนเรามีวิธีรับมือกับความทุกข์ต่างกัน

โดยเฉพาะเด็ก 3 คนนี้ที่ก็มีวิธีรับมือกับสิ่งที่เจอต่างกัน ชิซุกะจัง เลือกที่จะนิ่งเงียบอดทนเพื่อให้มันผ่านไปในแต่ละวัน โดยเธอมีหมาที่เลี้ยงเป็นเพื่อนปลอบใจ มารินะจัง เลือกที่จะเอาความโกรธที่ได้รับจากแม่มาลงกับชิซุกะจัง เพื่อเป็นการส่งต่อความเกลียดชังที่เธอได้เจอไปสู่คนอื่น ส่วน อาซุมะคุง ก็เลือกจะโทษพี่ชายว่าเป็นเพราะพี่สมบูรณ์แบบเกินไปจนแม่ไม่สนใจตน ส่วนทาโกปี้นั้นก็ไร้เดียงสาเกินไป จนไม่รู้ว่าความทุกข์คืออะไรและอยากให้ทั้งสามคนมีความสุข แต่ก็อย่างที่บอกว่าคนเรามีวิธีรับมือความทุกข์ต่างกัน สิ่งที่ทาโกปี้ทำมันก็เป็นแค่สิ่งที่ตัวมนุษย์ต่างดาวต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เด็กสามคนนี้ต้องการ นั่นคือสิ่งที่อนิเมะเรื่องนี้ต้องการสื่อ

ในส่วนของข้อดีมันคือการบอกเล่ามุมมองที่แปลกใหม่ของอนิเมะ ว่าโลกเราไม่ได้สวยหวานแบบในการ์ตูนหลาย ๆ เรื่อง แต่มันก็ไม่ได้โหดร้ายชนิดที่ต้องมาฆ่าแกงกัน มันเป็นแค่สิ่งที่เด็กประถมเจอ ที่สำหรับบางคนคงบอกว่ามันเล็กน้อยมากสำหรับเขา แต่สำหรับบางคนมันเหมือนโลกทั้งโลกจะแตกเลยทีเดียว ในส่วนของข้อเสีย ในทุกตอนของอนิเมะจะมีแต่ความเครียดและกดดันของเนื้อหา ที่ยิ่งเนื้อเรื่องดำเนินไปมันจะยิ่งจมดื่งลงเรื่อย ๆ จนมาถึงตอนที่ 5 และ 6 ที่เฉลยทุกอย่าง ที่พอเรารู้ความจริงเกี่ยวกับมาโกปี้เรายิ่งดิ่งลงไปอีก เรียกว่าคนเขียนคนสร้างอนิเมะจงใจให้เราคนดูตกใจกับการเฉลยนี้ ซึ่งมันก็ทำได้จริง ๆ

ถ้าให้สรุปอนิเมะกำเนิดบาปทาโกปี้คืออนิเมะสายดาร์คที่เนื้อเรื่องจะค่อย ๆ พาคนดูดำดิ่งจนอยากรู้ว่าสุดท้ายมันจะเป็นอย่างไร จนมาถึงบทสรุปที่ในตอนท้ายอนิเมะก็ถามเราว่า สิ่งที่ทาโกปี้ทำมันถูกต้องรึเปล่า และเป็นแบบนี้มันดีแล้วใช่ไหม ซึ่งคุณเท่านั้นที่จะตอบได้เมื่อดูจนจบครบ 6 ตอน ซึ่งใครที่สนใจก็ไปหาดูได้ทาง NetfliX ได้เลยมีฉายแบบซัยไทยครบทั้ง 6 ตอนแล้ว และขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าคุณเป็นโรคซึมเศร้าจิตตกห้ามดูอนิเมะเรื่องนี้ เพราะจิตใจคนเรามันแข็งแกร่งบอบบางต่างกัน ดังนั้นอย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานขีดเส้นบอกคนอื่นให้ทำแบบนั้นแบบนี้อย่างที่ที่ทาโกปี้ทำ ขอฝากเอาไว้ตรงนี้