
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตอนจบเสียที กับอนิเมะชวนปวดตัวแห่งปีอย่าง กำเนิดบาปทาโกปี้ ตอนที่ 6 กับเรื่องราวทุกอย่างที่ถูกเฉลยและเคลียร์จนหมดในตอนนี้ ซึ่งเนื้อหาก็จบลงตามที่มันควรจะเป็นได้อย่างลงตัว และก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาก็ขอย้ำก่อนว่าเรื่องราวในอนิเมะ กำเนิดบาปทาโกปี้ นั้นเป็นอนิเมะชวนจิตตกใครที่เป็นโรคซึมเศร้ามีความเครียดหรือชีวิตกำลังจมดิ่งห้ามดู (พูดจริงไม่มุก) เพราะเนื้อหาอาจจะไปกระตุ้นจิตใจคนที่กำลังอ่อนแออ่อนไหวได้ ส่วนคนที่ตอนนี้ชีวิตดี๊ดีมีความสุข ถูกหวยมีแฟนดีเงินเดือนออกควรดูอนิเมะเรื่องนี้เพื่อถ่วงอารมณ์ให้สมดุล เอาละเตือนกันไปเป็นที่เรียบร้อยเราก็มาดู กำเนิดบาปทาโกปี้ ตอนที่ 6 กันว่าบทสรุปของเรื่องนี้มีอะไรบ้าง

เปิดเรื่องมาในตอนที่ 6 จะเป็นเรื่องราวที่ต่อจากตอนที่ 5 ทันที ที่ ทาโกปี้ ได้เจอกับ อาซุมุคุง ที่สวนสาธารณะ ซึ่งเราคนดูในตอนก่อนหน้านี้คงคิดว่าอาซุมุคุงถูกตำรวจจับจนเข้าสถานพินิจไปแล้ว แต่กลายเป็นว่าคนที่รับผิดแทนอาซุมุคุงคือพี่ชายของเขาเอง แถมในตอนที่แล้วผู้เขียนก็มโนฟุ้งไปว่านี่คือโลกคู่ขนานซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจริงไหม เพราะจู่ ๆ ตัวของทาโกปี้ก็มาอยู่ในสวนสาธารณะได้โดยที่ในเรื่องไม่ได้บอกว่าทาโกปี้มาอยุ๋ที่นี่ได้ไง และทิ้ง ชิซุกะจัง ให้ทำตามแผนที่ต้องการคนเดียว ที่น้องแกคิดจะจับน้องสาวสองคนของตัวเองมาผ่าท้องเพื่อดูว่ากิน แชปปี้ หมาของตัวเองไปรึเปล่า ซึ่งสุดท้ายก็แค่จับตัวไปแต่ไม่ได้ฆ่าจริง ๆ (โล่งอก)

และเมื่อดูจากเนื้อเรื่องที่ทาโกปี้นั่งรอชิซุกะจังที่เดิมจนเปลี่ยนฤดู ซึ่งน่าจะเป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว ที่ชิซุกะจังไม่คิดจะมาหาทาโกปี้ที่นี่ ส่วนทาโกปี้ก็ไม่ได้ไปหาชิซุกะจังที่บ้าน ซึ่งตรงนี้มันเหมือนเป็นการอธิบายถึงช่องว่างของคนสองคน ที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่กล้าไปหากัน จนสุดท้ายชิซุกะจังก็เป็นคนมาหาทาโกปี้เอง เพราะแม้เธอจะทำทุกอย่างแล้วทุกอย่างก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย จนมาระเบิดอารมณ์ใส่ทาโกปี้ ซึ่งตัวของทาโกปี้เองก็สับสนเหมือนกัน เพราะตอนแรกพี่แกย้อนเวลามาเพื่อจะมาฆ่าชิซุกะจังที่ทำร้าย มารินะจัง ในอนาคต แต่กลายเป็นว่าพอเจอความใจดีและน่าสงสารของชิซุกะจัง เลยทำให้ทาโกปี้เปลี่ยนใจ จนกลายเป็นลังเลว่าจะช่วยใครดี และสุดท้ายก็ฆ่ามารินะจังคนที่ตัวเองจะมาช่วยไปแบบไม่ตั้งใจ เรียกว่าเรื่องราวบานปลายสุด ๆ

ซึ่งถ้าเราดูมาตั้งแต่ตอนแรก มันคือความอัดอั้นของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ระเบิดออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เพราะเธอเป็นเด็กที่แค่ต้องการพ่อแม่ที่รักและอยู่ด้วย หรือไม่ต้องมีพ่อแม่ก็ได้ขอแค่แชปปี้อยู่ด้วยก็พอ แต่มันก็ไม่ได้อะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว ซ้ำร้ายยังถูกตัวประหลาดมาปลอบใจและพูดซ้ำ ๆ กรอกหูว่า จงมีความสุข ยิ้มนะ ไปเล่นกันเถอะ อย่าไปเครียดเลย ซึ่งมันเหมือนเป็นการสะท้อนในโลกแห่งความเป็นจริง ที่มักจะมีคนประเภทหนึ่งที่ชอบพูดว่า ร้องไห้ทำไมลุกขึ้นสู้มันซิ ท้อแท้ทำไมพยายามมากกว่านี้ซิ หรือพอเห็นคนกำลังทุกข์ก็บอกว่าเรื่องแค่นี้เนี้ยนะร้องไห้จะเป็นจะตาย ไม่ก็ถ้าเป็นเรานะเราไม่เสียใจเราไม่ท้อหรอก ซึ่งเอาจริง ๆ คนเราทุกคนไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ทุกคนจะลุกขึ้นยืนได้ และปัญหาของคนบางคนอาจะเท่าขี้มด แต่สำหรับบางคนปัญหาเดียวกันแต่ใหญ่เท่าภูเขา อย่าเอาตัวเราไปเปรียบและบอกว่าทำไมคน ๆ นั้นไม่สู้ ซึ่งทาโกปี้คือตัวแทนของคนเหล่านั้น

มาถึงบทสรุปในตอนสุดท้ายเหมือนทาโกปี้จะรู้ตัวแล้วว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมานั้นมันเกิดมาจากตัวของทาโกปี้เองทั้งสิ้น ยกตัวอย่างตอนที่ทาโกปี้เจอมารินะจังตอนมัธยม นั่นก็หมายความว่าทุกอย่างดำเนินไปตามปกติอย่างที่มันควรเป็น ชิซุกะจังโดนมารินะจังแกล้งจนเรียนจบมาโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่ทาโกปี้ย้อนเวลากลับไปตอนที่มารินะจังอยู่ประถม ทาโกปี้ไปฆ่าเธอและทำชีวิตเด็ก 3 คนพัง จนเราสามารถสรุปได้เลยว่าตัวปัญหาจริง ๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือตัวของทาโกปี้เองต่างหาก ที่ไปยุ่งชีวิตเด็กสามคนจนมันมั่วไปหมด ตรงกับชื่อเรื่องกำเนิดบาปทาโกปี้ ซึ่งพอไม่มีทาโกปี้ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ แชปปี้ไม่ตายชิซุกะจังโดนมารินะจังแกล้งเหมือนเดิม แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตรงที่ทั้งคู่คิดถึงทาโกปี้แม้จะไม่รู้จำไม่ได้ก็ตาม จนสุดท้ายทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกัน จบแบบ Happy Ending

สรุปเนื้อหาทั้ง 6 ตอนของ กำเนิดบาปทาโกปี้ สั้นง่าย ๆ คือถ้าไม่มีทาโกปี้มาป่วนชีวิตเด็ก 3 คนนี้ก็คงจะดำเนินไปแบบเรียบง่ายตามที่มันควรจะเป็น แต่เพราะทาโกปี้ที่เป็นตัวแปรมายุ่งเลยทำให้ชีวิตเด็ก 3 คนมั่วไปหมด ซึ่งพอตัวแปรหายไปเรื่องราวก็ถูกดำเนินไปตามแบบที่มันควรจะเป็น แต่เป็นรูปแบบใหม่ที่ลงตัว ซึ่งเป็นตอนจบที่โอเคมาก ๆ แม้จะสงสารทาโกปี้ก็ตาม ซึ่งเราก็รู้ว่าสิ่งที่ทาโกปี้ทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่ตัวเองรักมีความสุข แต่กลายเป็นสร้างความทุกข์ให้แทน เรียกว่าปวดตับจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ สำหรับอนิเมะเรื่องนี้

เรียกว่าเป็นตอนจบที่ชวนปวดตัวจริง ๆ สำหรับอนิเมะเรื่องนี้ ส่วนใครที่สนใจอยากดูอนิเมะปวดตับแห่งปีอย่าง กำเนิดบาปทาโกปี้ ก็ไปหาดูได้ทาง Netflix ได้เลย ตอนนี้มีฉายครบทั้ง 6 ตอนดูแล้วปวดตับทีเดียวยาว ๆ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีพากย์ไทยมีแต่ซับไทย และขอย้ำอีกครั้งว่าใครที่กำลังจิตตกดิ่งเครียดเป็นโรคซึมเศร้าห้ามดูอนิเมะเรื่องนี้ ส่วนใครที่ชีวิตดี๊ดีควรดู แล้วคุณจะรู้ว่าคนเรามันรับมือกับความทุกข์ได้ต่างกัน ดังนั้นอย่าไปบอกให้เข้าสู้หรือพยายาม แค่รับฟังอยู่เป็นเพื่อนปลอบใจก็พอนั่นคือทางที่ดีที่สุดแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ต่อไป