
ผ่านมาได้พักใหญ่แล้วที่เกม Death Stranding 2 On the Beach วางจำหน่ายออกมาให้เล่น ซึ่งหลายคนที่ได้เล่นจนจบ หรือเกือบจบ ไปจนถึงเทเกมนี้กลางทาง คงจะได้รับรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกมนี้มอบให้ไม่ว่าจะเป็นฉากที่สวยงาม บรรยากาศความโดดเดี่ยวที่ไม่อ้างว้าง หรือพื้นที่ต่าง ๆ ที่สวยงามระหว่างเล่น และที่เป็นจุดขายที่สุดของเกมนี้คือตัวละครกับเนื้อเรื่องที่ดีงาม ที่ยึดเหนี่ยวคนเล่นให้อยู่ในเกมนี้ต่อไปจนจบ และถ้าใครที่ยังไม่ได้ซื้อเกมนี้และดูรีวิวที่มีแต่คำชมคำอวยรัว ๆ จนอยากซื้อเกม Death Stranding 2 On the Beach มาเล่น ก็ลองมาอ่านข้อเสียของเกมนี้กันก่อน ผ่านการเล่นของทีมงานที่เล่นมาเกิน 72 ชั่วโมง จนเห็นข้อเสียหลายเรื่องในเกมนี้ มาดูกันว่ามีข้อเสียอะไรบ้างเพื่อเป็นการตัดสินใจซื้อเกมนี้กัน
เริ่มจากข้อแรกที่เป็นข้อเสียหลัก ๆ ที่ต่างจากภาคแรกเลยก็คือความง่ายของเกม ที่มีของจากผู้เล่นคนอื่นทิ้งในเกมมาเกินไป จนเราไม่ต้องพยายามอะไรเลย ซึ่งสำหรับคนที่ไม่รู้ตัวเกม Death Stranding ทั้ง 2 ภาคจะให้เราสามารถเชื่อมต่อออนไลน์กับผู้เล่นคนอื่นได้ ซึ่งถ้ามีคนทำสะพานทิ้งเชือกหรือสร้างบางอย่างเอาไว้ พอเราเปิดแผนที่เสร็จเราก็จะได้สิ่งเหล่านั้นมา ซึ่งมันสะดวกง่ายจนเกินไป โดยบางครั้งเราต้องไปเก็บของที่สูง แต่พอไปถึงก็มีคนเอาบันไดทิ้งไว้ให้แล้ว หรือทางหน้าผาก็มีเชือกให้พร้อมจากผู้เล่นคนอื่น หรือที่ชาร์ตแบตรถที่มีตามทาง นั่นก็เพราะมีคนที่เล่นเกมนี้ผ่านมาก่อนและทิ้งไว้ให้ หรือเราจะทิ้งไว้ให้ผู้เล่นคนอื่นด้วยก็ได้ มองในแง่ดีมันคือความสะดวก แต่ถ้ามองในแง่เสียตัวเกมมันง่ายเกินจนไม่ต้องพยายามอะไร

ข้อเสียต่อมาคือการมีรถใช้ตั้งแต่ต้น ถ้าใครจำได้ใน Death Stranding ภาคแรก กว่าที่เราจะมีรถรึต่อให้ได้รถมาเราก็ต้องเดินด้วยเท้าเป็นหลักอยู่ดี เพราะในหลาย ๆ พื้นที่เกมจะบังคับให้เราทิ้งรถจนกลายเป็นการเดินทางส่งของด้วยเท้าในหลาย ๆ ครั้ง ทำให้เราค้นหาทางใหม่ ๆ ในการเล่นเพื่อไปให้ง่ายที่สุด แต่ในภาค 2 แค่ฉากแรกเราก็ได้รถมาแล้ว ซึ่งพอได้มาตัวเกมก็ง่ายขึ้นทันที เพราะตลอดทางที่ทีมงานเล่นมาแทบจะไม่ต้องเดินเท้าเลย แถมถนนก็มีเส้นทางให้รถวิ่งแบบชิว ๆ ไม่ต้องหาเส้นทางอื่นให้เสียเวลา เพราะแค่กดดูรอยเท้าที่คนเคยผ่านมาแล้วนำไปก็พอ จนกลายเป็นว่าเราแค่ขับรถไปมาเท่านั้น และยิ่งเราสามารถทำถนนจนเสร็จด้วยแล้วยิ่งวิ่งแบบชิว ๆ จนง่วงหาวกันเลย เรียกว่าน่าเบื่อแบบสุด ๆ แม้แต่ตอนแรกที่เรายังไม่เปิดแผนที่เราก็ขับรถไปได้ ความท้าทายที่เคยมีแบบในภาคแรกเลยหายไปเยอะ

ต่อมาที่ไม่ค่อยโอเคเลยคือระบบสภาพอากาศ ที่ถ้าใครได้ดูตัวอย่างคงจะคิดว่าเกมนี้คงมีระบบสภาพอากาศที่แปรปวนตลอด ทั้งแผ่นดินไหว น้ำป่าไหลหลาก พายุทราย ที่ดูจะมาขัดขวางเรา ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็มีแต่มีน้อยมาก ๆ อย่างพายุทรายที่มาแค่ตอนแรก ๆ กับบางช่วงที่ก็แค่ทำให้เรามองทางไม่ค่อยเห็น ส่วนน้ำป่าเท่าที่เล่นมากกว่า 72 ชั่วโมงยังไม่เจอน้ำป่าพัดสะพานพังเลย ส่วนแผ่นดินไหวก็มาตามสคริปตามจุดไม่มาแบบสุ่มอย่างที่คิด และยิ่งภาคนี้ไม่มีฝนเร่งเวลาที่ทำของที่ขนมาพังเร็วแบบภาคก่อน และเราเลยขับรถได้แบบชิว ๆ ไม่ต้องดิ้นรนวิ่งหาที่หลบฝนแบบในภาคที่แล้ว และที่ไม่โอเคเลยนั่นคือตอนแรกที่เราเจอพายุทรายแซมตัวเปื้อน แต่พอหลัง ๆ เจอพายุทรายเหมือนเดิมแต่แซมไม่เป็นอะไรแล้ว (ตามรูปด้านล่าง) เหมือนทุกอย่างจะมีแค่ช่วงแรก ๆ เท่านั้น

ต่อมาที่ขอบ่นคือฉากที่ซ้ำจำเจกว่าภาคแรก ซึ่งถ้าใครจำได้ใน Death Stranding ภาคแรกเส้นทางที่เราต้องไปนั่นมันมีหลายแบบมาก ๆ ทั้งเนินหินที่เอารถไปไม่ได้ต้องเดินเท้าและมีผีดักตลอด การปีนเขาทางชัน หน้าผาที่ต้องใช้สะพานไม่ก็วิ่งข้าม ป่าที่มีแต่ผี ทางที่แก๊สพิษ เอาง่าย ๆ แค่ภารกิจแรกที่เราต้องเอาศพแม่ตัวเองไปเผาก็ต้องดูเส้นทางที่จะไป และกว่าจะไปถึงก็เดินนานมาก หรือในช่วงแรกของเกมภาคแรกที่ไม่มีรถ การเดินเท้าเป็นอะไรที่ท้าทายมาก ๆ เพราะจุดที่ส่งของก็อยู่ไกลกัน แถมมีทั้งผีและโจรดักมันเลยเล่นสนุกมาก แต่ในภาค 2 มันเหมือนเป็นพื้นที่ซ้ำ ๆ ที่ไม่หลากหลายเท่าภาคแรก ขนาดบนภูเขาหิมะเหมือนกัน แต่ในภาคแรกการเอารถไปวิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ ต้องเดินเท้าและต้องลุ้นว่าแบตที่มีจะหมดไหม จะเจอที่ชาร์ตระหว่างทางที่มีคนเอามาวางไว้รึเปล่า หรือเราต้องพกไปเอง แถมบางพื้นที่ในภูเขาหิมะภาคแรกก็มีผีดักจนแม้แต่รถยังวิ่งผ่านยาก แต่พอมาภาค 2 ภูเขาหิมะสามารถใช้รถวิ่งได้ ไม่ก็อุปกรณ์ที่วิ่งได้ทุกพื้นผิวแม้แต่บนน้ำก็วิ่งได้ชิว ๆ แถมผีก็มีแค่ไม่กี่จุดและไม่ต้องกลัวแบตหมดแบบภาคก่อนด้วย มันดูไม่ท้าทายอย่างที่คิด นี่ยังไม่นับจุดส่งของที่ไม่ไกลกันอย่างภาคแรก ที่กว่าจะไปทีต้องคิดต้องวางแผนแม้จะเป็นทางที่เราไปมาแล้วก็ตาม

อีกเรื่องที่ขอบ่นคือการสร้างถนนที่ค่อนข้างสร้างง่ายกว่าภาคก่อน ที่ในภาคนี้เราแค่ไปปล้นวัตถุดิบของโจรมาเรื่อย ๆ ก็สร้างถนนได้ครบทั้งเกม ขณะที่ภาคแรกโจรไม่ค่อยให้วัตถุดิบในการสร้างถนนให้เราเยอะแบบในภาคนี้ การสร้างถนนในภาคแรกจึงเป็นเหมือนรางวัลที่เราพยายามจนสร้างมันได้ และถนนก็ช่วยเราให้ผ่านทางไปได้ง่ายขึ้นเป็นการตอบแทน แต่ในภาคนี้คือสร้างถนนเพราะต้องสร้างเท่านั้น แถมถนนที่สร้างยังอ้อมด้วยซ้ำ และต่อให้ไม่สร้างถนนเราก็วิ่งทางที่เกมให้แบบชิว ๆ ก็ได้ไม่ต่างกัน

ถ้าให้สรุปแบบไม่อวยเกม Death Stranding 2 On the Beach ก็เป็นเกมดีแต่ไปไม่สุด มันเหมือนเอาสิ่งที่มีในภาคแรกมาต่อยอด แต่เพิ่มเติมคือความเข้าถึงง่ายกว่าภาคแรกเยอะ เหมือนต้องการให้ผู้เล่นใหม่เข้ามาเล่น ขณะที่ภาคแรกคือมาถึงก็โหดเลยเรียกว่าดินรนตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกม แต่นี่ชิวตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกม จะมีโหด ๆ บ้างก็ต้องต่อสู้ที่สนุกดี โจรมีแผนการและรับมือการบุกของเรา ที่ถ้าเราไปปล้นมันบ่อย ๆ มันจะวางแผนรับมือเราจนหลัง ๆ การปล้นฐานโจรจะสนุกท้าทาย ส่วนผีก็ยังคงไม่สนุกเหมือนเดิมแต่จะท้าทายตรงที่เพิ่มจำนวนศัตรูแทน และที่ไม่ท้าทายเท่าภาคแรกคือฉากสู้แบบเกมยิง ที่ในภาคแรกมีพื้นที่หลากหลายได้ลุ้นได้หลงทาง แต่ในภาคนี้แค่สแกนหาศัตรูให้เจอและไปยิงมันก็ชนะ ไม่ท้าทายอะไรเลย

สิ่งที่น่าจะมีในเกมนี้คือการปรับความยากของเกม หรือถ้าเราอยากจะท้าทายจริง ๆ ก็ต้องไปปิดเน็ตของตัวเครื่อง PS5 เพื่อจะได้ไม่ต้องต่อออนไลน์ได้ของจากผู้เล่นอื่น แต่ถึงจะทำแบบนั้นตัวเกมก็ง่ายอยู่ดีเพราะสิ่งอำนวยความสะดวกที่เยอะและง่าย บางครั้งทีมงานใช้ยานวาปไปมาแทนการวิ่งรถส่งของด้วย เพราะตัวเครื่อง PS5 โหลดไหวกว่าวิ่งด้วยรถเสียอีก ขณะที่บางอุปกรณ์ทีมงานก็ไม่ใช้เพราะมันง่ายไปในการเล่น สรุปคือมันไม่ท้าทายเท่าภาคแรกและเหมาะสำหรับผู้เล่นใหม่ ส่วนผู้เล่นเก่าถ้าอยากได้ความท้าทายต้องปิดออนไลน์และเลือกทางเดินยาก ๆ ให้ตัวเอง แทนที่เกมจะเอามาให้เราแต่ผู้เล่นต้องไปหาทางลำบากความท้าทายเอาเอง มันเลยทำให้แอบผิดหวังมาก ๆ ตอนเล่นเกมนี้

ใครที่สนใจและยังไม่เคยเล่นภาคแรกมาก่อนก็แนะนำให้หาภาค 2 มาเล่นเลย ส่วนภาคแรกไปดูสรุปเนื้อเรื่องเอา เพราะเกมภาคแรกจะเล่นยากและท้าทายจนมือใหม่เลิกเล่นกลางทาง แต่ในภาค 2 จะเล่นได้เรื่อย ๆ แค่เรียนรู้ระบบใช้อุปกรณ์ให้เป็น และวิ่งตามรอยเท้าที่คนอื่นไปก็ผ่านฉากได้แล้ว แต่ถ้าอยากเจอความท้าทายก็ไปเล่นภาคแรกบอกเลยว่าตึงสุด ๆ แต่ถ้าถามว่าเกม Death Stranding 2 On the Beach สนุกไหมก็บอกเลยว่าสนุกแต่ไม่สุดอย่างที่หวัง ถ้าให้คะแนนก็ขอให้ 6.5 เต็ม 10 ส่วนภาคแรกขอให้ 8.5 เต็ม 10 ลองไปเล่นดูแล้วคุณจะรู้ว่าที่บทความนี้บอกจริงไหม