
ผ่านมาหลายเดือนแล้วที่ Dragon Ball Dima ซึ่งเป็นจักรวาลภาคแยกส่วนขยาย และเป็นเหมือนกระจกสะท้อนของ Dragon Ball GT ก็จบลงไปท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของแฟน ๆ ในหลาย ๆ ส่วนที่เนื้อหาไม่เชื่อมโยงกับจักรวาลหลักเลย เหมือนกับสมัยที่ Dragon Ball GT ก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน นั่นคือการไม่เชื่อมโยงเนื้อหาของจักวาลในซีรีส์หลักกับตัวเนื้อเรื่องของตัวเอง ที่จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 29 ปีแล้วที่ Dragon Ball GT ออกฉายและจบลงท่ามกลางเสียงบ่นของแฟน ๆ ถึงความไม่สนุกของตัวเรื่อง จะมีดีแค่เพลงเปิดกับลิงแดงเท่านั้นเหมือนที่ Dragon Ball Dima ก็เป็นแบบเดียวกัน แต่คุณรู้กันไหมว่า ที่มาที่ไปของ Dragon Ball GT นั้นมันเกิดขึ้นมาจากการดิ้นรนของสถานีโทรทัศน์สมัยนั้น ที่ไม่อยากให้เรตตี้ทางช่องตก จึงเกิดเป็นภาคต่อของ Dragon Ball GT เกิดขึ้นมานั่นเอง
โดยเรื่องราวนี้มาจากบทสัมภาษณ์ประธานบริษัท Fuji TV ในสมัยนั้นอย่าง เคนจิ ชิมิซึ ได้ออกมาบอกว่า ทางบริษัทสร้างอนิเมะได้ทราบเรื่องราวล่วงหน้าเกี่ยวกับการจบของ Dragon Ball ในฉบับมังงะที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่เดือน เพื่อให้ทางทีมสร้างอนิเมะอย่าง Toei Animation เตรียมตัว ซึ่งมันทำให้เกิดความกังวลที่แพร่กระจายไปทั่ว ตั้งแต่แผนกบรรณาธิการไปจนถึงสถานีโทรทัศน์ จนทางผู้บริหารของทาง Fuji TV บอกว่า "ดราก้อนบอลจบไม่ได้ มันจบไม่ได้จริง ๆ" ซึ่งฝ่ายผลิตอนิเมะอย่าง Toei Animation และสถานีโทรทัศน์ในญี่ปุ่นอย่าง Fuji TV ต่างก็คิดแบบเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากรายได้มหาศาลที่ซีรีส์นี้สร้างได้ มันก็ไม่ควรจบลงตรงนี้จริง ๆ จึงมีการวางแผนสร้าง Dragon Ball ภาคใหม่ออกมาในชื่อ Dragon Ball GT ที่เป็นตอนต่อจากตอนจบของ Dragon Ball ภาคหลักขึ้นมานั่นเอง

และจากข้อมูลบอกว่า อาจารย์ โทริยามะ อากิระ เป็นผู้เสนอให้ซีรีส์ Dragon Ball GT ภาคนี้เป็นการผจญภัยในอวกาศ และสร้างความรู้สึกถึงการผจญภัยแบบยุคเก่าด้วยการเปลี่ยน โกคู ให้กลายเป็นเด็กอีกครั้ง ซึ่งเรื่องราวนี้ก็ถูกเอามาใช้อีกครั้งใน Dragon Ball Dima และอย่างที่เราก็ทราบกันดีว่าทั้ง Dragon Ball GT และ Dragon Ball Dima อาจารย์โทริยาม่าไม่ได้เป็นคนแต่เรื่องราว แกแค่ออกแบบตัวละครเท่านั้นจึงไม่แปลกที่เรื่องราวเนื้อหาจะหลุดมาไกลขนาดนี้ ส่วนชื่อย่อคำว่า GT ใน Dragon Ball GT นั้นหมายถึง Gran Turismo ที่แปลว่า การเดินทางอันยิ่งใหญ่ ที่อาจารย์โทรยาม่าเป็นคนตั้งขึ้นมา

พอรู้ที่มาที่ไปแบบนี้ก็ไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะดูเอาง่าย ๆ อย่าง Dragon Ball Dima ที่คนดูบ่นคนดูไม่ชอบคนดูหลายคนด่าในความมั่วของเนื้อหา แต่ของเล่นของสะสมเกี่ยวกับ Dragon Ball Dima ก็ขายดีขายดิบ จนหลายคนต่างรอคอยโกคูร่างลิงแดงตอนเด็กว่าจะมาเมื่อไหร่ รวมถึงร่างซูเปอร์ไซย่า 3 ของ เบจิต้า ว่าจะมาตอนไหน จึงไม่น่าแปลกใจที่ในอนาคตเราจะได้เห็นอนิเมะ Dragon Ball ออกฉายอีกเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน แม้อาจารย์โทริยาม่าจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ตราบเท่าที่ของมันยังขายได้การ์ตูนเรื่องนี้ก็ไม่มีวันจบอย่างแน่นอน นั่นคือสิ่งที่เราได้รู้ในบทความนี้