
เดินทางมาถึงตอนที่ 3 กันแล้วกับขบวนการ No.1 Sentai Gozyuger ที่เป็นการฉลองครบรอบ 50 ปีซีรีส์ขบวนการ Sentai ที่ฉายอย่างต่อเนื่องไม่หยุดมาตลอด 50 ปี โดยเรื่องราวหลัก ๆ ของ No.1 Sentai Gozyuger จะเกี่ยวกับความปราถนาของมนุษย์ ที่ถ้าผู้ครอบครองแหวนคนไหนสามารถรวบรวมแหวนได้ครบก็จะสมความปราถนาที่หวังเอาไว้ ซึ่งถ้าให้เดาก็คงจะมีแหวนอยู่ราว ๆ 55 วง ซึ่งนับเฉพาะขบวนการ Sentai สีแดงกับอีก 5 วงของ Gozyuger (อันนี้เดา) หรืออาจจะมีมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ก็คงต้องมารอดูกันอีกที ในส่วนของ No.1 Sentai Gozyuger ตอนที่ 3 นี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย

เรื่องราวของตอนที่ 3 จะเริ่มต้นที่ โทโนะ โฮเอรุ หรือ Gozyu Wolf ของเราที่จู่ ๆ พี่แกก็มีความสามารถในการดมกลิ่นเหมือนหมา (ป่า) ขึ้นมา ซึ่งมันเป็นผลมาจากแหวนที่มอบความสามารถพิเศษนี้ให้กับผู้ที่ครอบครอง โดยตัวของ บาคุกามิ ริวกิ นั้นก็ได้พลังมหาศาลมาจากแหวนเช่นกัน ส่วนของ เบียคุยะ ริคุโอ ก็จะได้ความสามารถได้การได้ยินมา และอีก 2 คนอย่าง นักสืบสาว อิชิคาวะ สึมิโนะ กับ ทาเคฮาระ คินจิโร่ จะมีความสามารถพิเศษอะไรนั้นคงต้องมารอดูกันอีกทีในตอนต่อไป และในตอนนี้เราก็ได้รู้ว่าโฮเอรุกับริวกิและริคุโอต่างก็ตกลงกันว่าจะร่วมมือกันชั่วคราว พอรวบรวมแหวนได้เยอะ ๆ แล้วค่อยมาต่อสู้แย่งชิงกัน ซึ่งตัวของโฮเอรุไม่รู้เรื่องนี้และพี่แกก็ไม่สนใจด้วยซ้ำ

โดยใน No.1 Sentai Gozyuger ตอนที่ 3 นี้เราก็ได้เห็นผู้ใช้แหวนเพิ่มมาอีก 3 คนแต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ อาทามิ โคโมนัตสึ นักการเมืองผู้สามารถแปลงร่างเป็น ดงโมโมทาโร่ ที่คราวนี้จะเกี่ยวกับการหาเสียงความนิยมของนักการเมือง ที่โฮเอรุต้องมาแข่งกับสัตว์ประหลาดด้านความนิยม (แบบล้างสมอง) ที่เป็นเหมือนการประชดประชันของบางสิ่ง ที่ใช้การล้างสมองให้คนเชื่อในบางสิ่งเพื่อสร้างความนิยม ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่โคโมนัตสึทำ นั่นคือการให้ความหวังใส่หน้ากากคนดี เพื่อหวังเอาคะแนนเสียงมาเป็นของตน ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ว่าจะญี่ปุ่นหรือบ้านเรา ก็คงจะมีนักการเมืองแบบเดียวกัน ที่ตอนหาเสียงขนาดหมายังยกมือไหว้ แต่พอได้เลือกตั้งประชาชนอย่างเราแทบกลายเป็นหมา นั่นคือสิ่งที่ No.1 Sentai Gozyuger ตอนที่ 3 ต้องการสื่อ

ขณะเดียวกันก็มีการสร้างความนิยมที่มาจากรูปลักษณ์ความหล่อเสน่ห์ที่เย้ายวน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เรียกว่าการสร้างความนิยมเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับ 2 อย่างที่เรายกตัวอย่างมามันก็ดูจะไม่แย่เท่า 2 อย่างนั้น และการสร้างความนิยมมันก็ง่ายนิดเดียว แค่รูปร่างหน้าตาดีเสียงเพราะก็สามารถตกสาว ๆ ได้แล้ว ขนาด บูเก้ หนึ่งในผู้บริหารของไบรดัน ที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิคขององค์กร เจ้าของฉายา บูเก้แห่งความเมตตา ยังกลายเป็นโอตะของริคุโอได้เลย ขณะที่โฮเอรุของเราที่หวังอยากจะมีความนิยมอันดับที่ 1 เลยพยายามทำบ้าง ซึ่งอย่าลืมว่าโฮเอรุไม่มีความปราถนาอะไรเลย เขาเลยพยายามค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ด้วยนิสัยยอมหักไม่ยอมงอแถมก้มหัวไม่เป็น และเป็นพวกหมาป่าเดียวดายอีก เลยทำให้โฮเอรุไม่ได้รับความนิยมเลย

และเมื่อตัวเองเป็นคนแบบนี้โฮเอรุเลยถูกปั่นหัวจากโคโมนัตสึ ที่จงใจหลอกใช้โฮเอรุโดยการแนะนำว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้ความนิยม ซึ่งแทนที่โฮเอรุจะได้รับความนิยมกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่โฮเอรุทำ หรือถูกแนะนำมันกลับยิ่งทำให้โคโมนัตสึยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก จากการเป็นคนดีที่ช่วยชี้แนะคนให้ปรับปรุงตัวเองเพื่อคนอื่น เรียกว่าหลอกใช้ได้แบบเนียล ๆ สมเป็นนักการเมืองของแทร่เลย ที่เหมือนตอนนี้ต้องการแอบแซะการเมืองยังไงก็ไม่รู้ โดยทางโคโมนัตสึพูดว่า คนเราต้องการความหวังและต้องการเห็นสิ่งที่อยากเห็น เราก็แค่ทำสิ่งนั้นให้ผู้คนเหล่านั้นก็พอ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เหล่านักการเมืองจริง ๆ ทำ

ต้องบอกเลยว่าตอนแรกผู้เขียนมองขบวนการ 5 สี Sentai เป็นการ์ตูนเด็ก ๆ แต่พอมาได้ดูตอนที่ 3 ของ No.1 Sentai Gozyuger ที่แอบแฝงการเมืองหลอกใช้คน และเล่นความต้องการของมนุษย์เหมือนหลอกด่านักการเมืองแบบเนียล ๆ แบบนี้ เลยทำให้ผู้เขียนต้องมองซีรีส์นี้ใหม่เสียแล้ว และในตอนต่อไปเราจะได้เห็นบทบาทของตัวละครใหม่ที่ปรากฏตัวออกมานั่นคือ สึมิโนะ กับ คินจิโร่ ทั้งคู่จะมีบทบาทอย่างไรมารอดูกันในตอนต่อไปได้เลย