
คุณเคยได้ยินคำพูดที่ว่า จบบริบูรณ์ ไหม คำ ๆ นี้มันหมายถึงการจบเรื่องราวอย่างสมบูรณ์ไม่ต้องมีภาคต่อหรืออะไรที่ต้องเล่าอีก แม้บางอย่างจะเป็นปริศนาที่ตัวภาพยนตร์ซีรีส์ไม่ได้เฉลยตรง ๆ ให้เราไปคิดเอาเองที่เรียกว่าจบแบบปลายเปิด ที่ไม่ว่าเราจะคิดยังไงทางไหนมันก็ถูกต้องทั้งหมด นั่นก็เรียกว่าจบแบบสมบูรณ์เช่นกัน เหมือนอย่างภาพยนตร์เรื่อง The Platform ที่เอาจริง ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นการจบแบบปลายเปิดให้คนดูคิดตามเองว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งมันก็เรียกว่าจบแบบสมบูรณ์ในตัวเองแบบที่หลายคนพอใจ จนเมื่อทาง Netflix เข็น The Platform 2 ออกมาหลายคนก็คิดว่าคราวนี้มันจะเฉลยเรื่องราวที่ค้างคาในภาคแรก ว่าหลังชั้นล่างสุดที่แท้จริงนั้นมันมีอะไร และเรื่องราวจะมีอะไรให้เล่าอีก พอได้ดูจริง ๆ มันกลับงงยิ่งกว่าเดิม วันน้เรามารีวิวและไขปริศนาชวนงงนี้ไปพร้อม ๆ กัน
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาของ The Platform 2 แนะนำให้ไปดูภาคแรกให้จบก่อน จู่ ๆ มาดูภาค 2 เลยเพราะคิดว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกันก็บอกเลยว่าคิดผิด เพราะมันเกี่ยวกันแบบสุด ๆ ส่วนใครที่ดูภาคแรกมาแล้วเราก็มากันต่อเลย โดยเรื่องราวใน The Platform 2 นั้นจะบอกเล่าเรื่องราวของนักโทษคนใหม่ที่อยู่ในเรือนจำแห่งนี้มานานพอควรแล้ว ส่วนชายหนุ่มหัวโล้นคือนักโทษที่เพิ่งเข้ามาแบบสด ๆ ข้อหาวางเพลิงจะฆ่าครอบครัวตัวเองแต่ก็ไม่ได้ทำ โดยอย่างที่คุณก็รู้ว่าที่นี่จะมีอาหารลงมาในเวลาเดิม ๆ ทุกวัน โดยอาหารเหล่านี้จะเป็นอาหารที่นักโทษบอกผู้คุมเอาไว้ก่อนจะลงมาที่นี่
และพออาหารลงมาด้านล่างนักโทษชั้นบน ๆ ก็จะกินอาหารจนหมดไม่เหลือให้ชั้นล่าง ๆ ที่มีกว่า 300 ชั้นได้กินนั่นคือสิ่งที่ The Platform ภาคแรกเป็น แต่ในภาคที่ 2 นั้นจะต่างออกไปเพราะที่นี่มีกฎที่ต้องทำตามกันอย่างเคร่งครัด นั่นคือทุกคนจะได้กินอาหารเฉพาะของตนเองเท่านั้นห้ามกินของคนอื่น หรือจะกินของคนที่เสียชีวิตไปแล้วก็ไม่ได้ ถ้าทำผิดกฎจะถูกผู้คุมกฎมาลงโทษตามแต่โทษที่ได้รับ ตั้งแต่กระทืบจนน่วมเอาแขนวางบนช่องรอแท่นอาหารมาทับจนแขนขาด หรือที่เลวร้ายสุดคือเอาร่างแนบบนแท่นแล้วปล่อยลงมาเรื่อย ๆ จนตาย โดยคนที่อยู่ชั้นบน ๆ จะคอยเตือนบอกคนชั้นล่าง ๆ ให้ทำตามกฎจนชั้นล่าง ๆ ก็ได้กินอาหารนั่นคือที่มาและจุดเปลี่ยนของเรื่องนี้

มองในแง่ดีสิ่งนี้ก็ถูกต้องมาก ๆ การที่เราจะกินเฉพาะของตัวเองเพราะคนชั้นล่าง ๆ ก็จะได้กินด้วย แต่เราก็อย่าลืมไปว่าอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความคิดเข้าข้างตัวเอง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ The Platform 2 ต้องการสื่อ เพราะเมื่อมีกฎแบบนี้ออกมามันก็คือดีงาม แต่พอคนทำผิดกฎก็จะถูกลงโทษอย่างแรงตามแต่ผู้คุมกำหนด ซึ่งปัญหามันก็อยู่ที่ผู้คุมกฎที่จะตัดสินถูกผิด ที่แม้จะดูว่าเขาเป็นคนเที่ยงตรงมีคนนับถือ แต่คนส่วนมากก็ไม่เห็นด้วยเพราะการลงโทษบางทีมันก็แรงเกินไป แม้จะเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย
อย่างครั้งหนึ่งตัวละครบอกว่าเธอกำลังแจกอาหารให้ทุกคน พอมาถึงชั้นหนึ่งมีคนกำลังจะอดอาหารตาย เธอเลยเอาส่วนของคนตายให้คนที่ใกล้ตายกินจนรอดตาย แต่เธอทำผิดกฎอาหารนั้นต้องเอาไปทิ้งห้ามคนกิน เธอเลยถูกลงโทษด้วยการถูกตัดแขน ส่วนเพื่อนก็ถูกประหารทั้งที่เป็นความผิดเล็กน้อย หรืออีกคนก็ถูกสั่งประหารเพราะทิ้งหน้าที่สื่อสารไปชั้นอื่น การลงโทษที่รุนแรงและห้ามนั่นนี่มากไป แม้เรื่องเล็กน้อยก็ถูกลงโทษขั้นรุนแรง มันเลยเกิดการกบฏขึ้นมาจนกลายเป็นสงครามระหว่างคนที่รักษากฎ กับคนที่ต้องการทำลายกฎ โดยให้เหตผลว่าเราจะกินอะไรก็ได้ตามใจเรา นั่นคือสิ่งที่ The Platform 2 สื่อในภาคนี้

คราวนี้มาดูส่วนที่งงของจริงกันดีกว่า เริ่มจากเนื้อเรื่องของ The Platform 2 นั้นคือเรื่องราวก่อน The Platform ภาคแรกจะเกิดขึ้น และตอนจบของ The Platform 2 ก็คือตอนต่อจากตอนจบของ The Platform ภาคแรก (งงไหมถ้างงไปอ่านอีกรอบ) หรือพูดง่าย ๆ คือกฎนี้มันแตกไปแล้วตอนที่พระเอก The Platform ภาคแรกมา โดยมีตาลุงมีดทำครัวเป็นแกนกลางเชื่อมเรื่องราว ซึ่งสิ่งที่ทำให้หลายคนด่าเรื่องนี้คือปริศนาที่ทิ้งเอาไว้เยอะเกินไปโดยที่ไม่เฉลย อย่างเด็ก ๆ เหล่านี้คือใครมาจากไหน แล้วคนชั้นล่างสุดเอาชีวิตรอดได้อย่างไร พวกเขาเอาอะไรกิน ถ้ากินซากศพจิตใจความคิดร่างกายต้องเสียไปหมดแล้ว แต่นี่กลับสมบูรณ์มาก ๆ แถมร่างกายไม่ซูมผอมเหมือนคนอดอาหารเลย

ซึ่งถ้าให้ผู้เขียนสรุปตามความคิดของตัวเอง การเอาเด็กมาอยู่ชั้นล่างสุดชั้นที่ 333 ก็เพราะทางคุกอาจจะกันให้คนที่อยู่ชั้นล่างสุดบอกคนที่ชั้น 333 รู้ว่าข้างล่างโอเคลงมาเลย จึงเอาเด็ก ๆ มาขั้นไม่ให้คนที่ชั้น 332 รู้เรื่องชั้นล่างสุด ส่วนเด็กๆ พวกนี้มาจากไหนเราก็ไม่สามารถตอบได้ แล้วทำไมเจ๊เชือดจากภาคแรกต้องตามหาลูก ทั้งที่เจ๊แกก็เป็นคนเอาเด็กมาปล่อยที่ชั้น 333 เองอันนี้ก็คืองงกันต่อไป
ส่วนการตีความเรื่องชั้นล่างสุด อาจจะเป็นการทดสอบจิตใจคนว่าคุณเป็นคนดีเห็นกับคนอื่นรึเปล่า เพราะการลงมาข้างล่างเรื่อย ๆ มันคือการฆ่าตัวตาย ต่อให้แท่นจะขึ้นบนสุดอย่างชั้น 0 แต่ก็จะถูกผู้คุมจับโยนลงมาที่ชั้นเดิมอยู่ดีจึงไม่มีใครทำแบบนั้น และพอลงมาชั้นล่างสุดที่นี่อาจจะมีอาหารให้กินปกติ เหมือนคุณผ่านด่านการทดลอบโดยเอาเด็ก ๆ มาเป็นตัวทดสอบจิตใจ เพราะในตอนท้ายมีคนลงมาพร้อมเด็กหลายคนรวมถึงพระเอกภาคแรกด้วย และเมื่อดูคนจากชั้นร่างที่เป็นปกติ ก็พอจะเดาได้ว่าที่นี่มีอาการกินปกติไม่อดแบบคนข้างบน แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผู้เขียนคิดจะถูกไหมเพราะหนังไม่ได้บอก

มาถึงตรงนี้ถ้าให้สรุปแบบเข้าใจง่าย ๆ เกี่ยวกับ The Platform 2 ก็คงจะเป็นการเสียดสีมนุษย์ว่า สุดท้ายแล้วไม่ว่าคุณจะหวังดีกับใครขนาดไหนก็ตาม และมีการตั้งกฎทุกคนทำตามสุดท้ายก็จะมีคนทำผิดกฎอยู่ดี และพอผู้คุมกฎมีอำนาจมีพลังในการสั่งควบคุมคนที่เชื่อตน กฎที่เคยสร้างระเบียบก็จะกลายเป็นความชอบธรรมให้ตัวเองและพวก ส่วนก้นหลุมและเด็ก ๆ ก็จะเป็นการทดสอบจิตใจของคนว่าคุณยังเป็นมนุษย์อยู่ไหม จะลงมาชั้นล่าง ๆ ที่รู้ว่าต้องอดตายแน่ ๆ และพอเจอเด็กคุณจะทิ้งเด็กให้อดอาหารตายหรือจะช่วยให้แกรอดชีวิตขึ้นไปข้างบน ส่วนตัวเองก็อยู่ข้างล่างต่อไปนั่นคือสิ่งที่ภาพยนตร์ต้องการบอก

ส่วนปริศนาที่เกี่ยวกับการจัดห้องการย้ายนักโทษ อันนี้มันเกินจินตนาการที่ดูเป็นแฟนตาซีไปแล้ว ซึ่งก็เป็นการเฉลยให้เราได้รู้ว่าพวกผู้คุมย้ายนักโทษได้อย่างไร อันนี้คือโอเคไม่มีอะไรติดค้าง แต่ก็ยังมีหลายส่วนที่ติดค้างให้เราคิดเอง ซึ่งมันโคตรขัดใจแบบสุด ๆ โดยรวมถ้าตัดส่วนที่เราต้องคิดเองตีความหมายในสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพยนตร์ The Platform 2 ก็จัดว่าโอเคเลยทีเดียว แต่คุณต้องดูภาคแรกมาก่อนนะถึงจะสนุก (มั้งนะ) โดยคะแนนขอให้ไปราว 6.8 เต็ม 10 โดยรวมโอเคแต่ก็ไม่โอเคตรงที่งงนี่ละ