
ถ้าพูดถึงซีรีส์เกมที่มีเนื้อเรื่องซับซ้อนและทุกภาคจะมีความเกี่ยวโยงกัน ไม่ว่าจะเป็นทางตรงทางอ้อมหรือแบบถาก ๆ เกมซีรีส์แส้สู้ผีอย่าง Castlevania ก็คือหนึ่งในนั้น ที่มีเนื้อเรื่องซับซ้อนเกี่ยวกันไปมาของตัวเอกภาคต่าง ๆ ที่ถ้าคุณอยากจะเรียนรู้เรื่องราวทุกอย่างให้ครบ คุณอาจจะต้องอ่านเรื่องราวเป็นเล่ม ๆ เลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็รวมถึงเกมภาคที่หลายคนชื่นชอบที่สุดในซีรีส์ Castlevania อย่าง Castlevania Symphony of the Night ที่ตัวเอกภาคนี้จะไม่ใช้แส้สู้ผีและไม่ได้เป็นคนสายเลือด Belmont แต่เขาก็คือหนึ่งในตัวละครสำคัญในซีรีส์ที่หลายคนชื่นชอบ แถมเล่นสนุกที่สุดภาคหนึ่งในซีรีส์ และวันที่ 2 ตุลาคม 1997 ก็ครบรอบ 27 ปีวันวางจำหน่ายเกม Castlevania Symphony of the Night บน PlayStation 1 เรามาย้อนอดีตดูเรื่องราวของเกมนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
เริ่มจากเนื้อเรื่องกันก่อน เรื่องราวของเกม Castlevania Symphony of the Night จะเริ่มต้นในช่วงตอนจบของเกมก่อนหน้าในซีรีส์อย่าง Castlevania Rondo of Blood ที่ตัว ริชเตอร์ เบลมอนต์ ได้ต่อสู้และเอาชนะ Count Dracula ลงได้ สี่ปีต่อมาในปี 1796 ริชเตอร์ได้หายตัวไปขณะที่ปราสาทของ Dracula ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และเมื่อไร้ฮีโรที่มาปราปีศาจเหล่าผู้กล้าจึงมาจัดการเรื่องนี้กันเอง หนึ่งในนั้นคือ อลูคาร์ด ที่เดินทางมาถึงปราสาทและได้พบกับ มาเรีย เรนาร์ด ซึ่งเคยต่อสู้เคียงข้าง ริชเตอร์ ก็กำลังตามหาเขา โดยทั้งคู่ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือการทำลาย Dracula ก่อนที่มันจะฟื้นคืนชีพขึ้นมานั่นคือเรื่องราวคร่าว ๆ ของเกมภาคนี้
ในส่วนของระบบการเล่นตัวเกม Castlevania Symphony of the Night ใช้รูปแบบการเล่นแบบเลื่อนด้านข้าง 2D แบบเดียวกับเกมภาคก่อน ๆ แต่ภาคนี้จะมีความซับซ้อนของปริศนาและเส้นทางที่วกวนกว่า ที่เราต้องย้อนกลับมาที่ทางเดิมเพื่อเปิดทางเมื่อได้ไอเทมหรือพลังใหม่ โดยตัวเอกของเกมภาคนี้จะไม่ใช่มนุษย์ แต่จะเป็นลูกชายของ Dracula เขาจึงมีความสามารถที่ต่างกับตัวละครอื่นในซีรีส์ ซึ่งมันสร้างความแปลกใหม่ให้ผู้เล่นมาก ๆ ในตอนนั้น และสิ่งที่ทำให้เกมนี้เป็นที่พูดถึงที่สุดก็คือการที่เราต้องเล่นเกมนี้ซ้ำ 2 รอบเพื่อจะจบเกมให้สมบูรณ์ตามเนื้อเรื่องที่แท้จริง
โดยรอบแรกนั้นเราจะสามารถชนะเอนทิตีที่ชื่อ Shaft ซึ่งควบคุม ริชเตอร์ อยู่ จนเมื่อเราเอาชนะทั้ง ริชเตอร์ และ Shaft ได้เกมจะพาเราไปสู่ส่วนที่สองของเกมซึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่แท้จริง ซึ่งมันก็คือปราสาทกลับหัวของ Dracula ที่จะมีศัตรูและบอสใหม่ โดยเป้าหมายของการเล่นรอบที่ 2 นี้เราจะต้องตามหาบอสทั้ง 5 ตนเพื่อรวบรวมชิ้นส่วนของ Dracula ห้าชิ้นเพื่อการปิดผนึกมันอย่างสมบูรณ์ แต่สุดท้ายราชาปีศาจจากนรกก็ฟื้นขึ้นมาการต่อสู้ระหว่างพ่อลูกจึงเริ่มขึ้น

ในส่วนของการพัฒนามันเริ่มขึ้นในปี 1994 มีโครงการจะสร้างเกม Castlevania ภาคใหม่สำหรับเครื่อง 32X โดยเรียกชื่อโครงการว่า Castlevania The Bloodletting และมีการสร้างต้นแบบที่เล่นได้ออกมาแล้ว แต่ Konami ก็ยกเลิกโครงการเพราะต้องการทำเกมลงบน PlayStation จนกลายมาเป็นโครงการสร้างภาค Symphony of the Night ขึ้นมา โดยตัวเกมกำกับและผลิตโดยคุณ ฮากิฮาระ โทรุ ซึ่งเคยกำกับภาคก่อนหน้านี้อย่าง Rondo of Blood โดยคุณฮากิฮาระมีอิทธิพลด้านความคิดสร้างสรรค์และมีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเรื่องและการเขียนโปรแกรมของเกมนี้ และได้มอบหมายให้คุณ อิการาชิ มาดูแลเกมนี้ต่อ
ในระหว่างทำเกมคุณอิการาชิรู้สึกว่าเกมแอ็กชันปกตินั้นสั้นเกินไป และเขาต้องการสร้างเกมที่สามารถเพลิดเพลินได้นาน ๆ ด้วยเหตุนี้ทีมพัฒนาจึงละทิ้งความก้าวหน้าแบบทีละขั้นตอนแบบเดิม ๆ ของเกม Castlevania ก่อนหน้านี้ไป และเลือกปราสาทแบบเปิดที่ผู้เล่นสามารถสำรวจได้อย่างอิสระ คุณอิการาชิก็เลยยืมแนวคิดเกี่ยวกับการสำรวจเส้นทางเก่าของซีรีส์ The Legend of Zelda มาเป็นต้นแบบ โดยทีมพัฒนาใช้แรงบันดาลใจจากเกม The Legend of Zelda เพื่อทำให้พื้นที่ปราสาทส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในตอนแรก แต่ผู้เล่นจะค่อย ๆ ได้รับไอเท็มและความสามารถที่เปิดปราสาทขึ้นทีละน้อย แนวคิดของพวกเขาคือการให้รางวัลสำหรับการสำรวจใน ขณะที่ยังคงแอ็คชั่นแบบแฮ็คแอนด์สแลชของเกมก่อนหน้านี้

และในช่วงแรกที่เกม Castlevania Symphony of the Night วางจำหน่ายตัวเกมขายได้ไม่ดีนัก เพราะความเปลี่ยนแปลงที่ต่างจากภาคก่อน แต่ยอดขายค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากการบอกต่อแบบปากต่อปาก และกลายเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างเงียบ ๆ จนได้รับความนิยมอย่างล้นหลามและขายได้มากกว่า 700,000 ชุดในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เกมนี้ได้รับคำชมอย่างกว้างขวางโดยนักวิจารณ์มักยกให้เป็นวิดีโอเกมที่ดีที่สุดตลอดกาลเกมหนึ่ง โดยยกย่องนวัตกรรมการเล่นเกมบรรยากาศภาพและเพลงประกอบที่ยอดเยี่ยม

ใครที่ไม่เคยเล่นแนะนำเลยแม้กราฟิกจะดูเก่าตกยุคไปหน่อย แต่ระบบการเล่นและปริศนาต่าง ๆ บอกเลยว่าของดีที่คุณอาจจะต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมง เพื่อเล่นเกมนี้ให้จบครบสมบูรณ์ทั้ง 2 รอบ ใครที่สนใจตัวเกมก็มีวางจำหน่ายบน PlayStation 4 ด้วยในชื่อ Castlevania Requiem Symphony of the Night & Rondo of Blood ที่เป็นการเอาเกมเก่าทั้ง 2 ภาคมารวมขายใหม่ ลองไปหามาเล่นดูแล้วคุณจะรู้ว่าทำไมคนสมัยก่อนถึงได้ชอบเกมภาคนี้กัน