เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า Doomguy ไม่ได้ติดอยู่ในนรกกับพวกปีศาจ แต่พวกปีศาจต่างหากที่ติดอยู่ในนรกกับ Doomguy และพวกมันกำลังจะถูกล้างบาง นั่นคือคำจำกัดความของเกมเดินยิงมุมมองบุคคลที่ 1 (เห็นแค่ปืน) ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำมีอยู่อย่างเดียว คือการเดินหน้าฆ่าทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวตรงหน้า เพราะมันคือปีศาจจากนรกที่สานต่อเรื่องราวจากภาคก่อน ที่แม้จะมีระบบการเล่นที่เหมือนเดิม แต่ก็เพิ่มเติมด้วยระบบการเล่นกับความสะใจที่มากขึ้นกว่าเก่า และวัน 30 กันยายน 1994 ครบรอบ 30 ปีวันวางจำหน่าย DOOM II บน PC เรามาย้อนอดีตดูเรื่องราวของเกมนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
ในส่วนของตัวเกม Doom II นั้นไม่ได้แตกต่างจากเกมภาคก่อนมากนัก ทั้งระบบการเล่นและกราฟิกที่เหมือนเดิมแทบทุกอย่าง แต่ทีมพัฒนาได้ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ในตอนนั้น พวกเขาจึงสามารถทำอะไรได้มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งการสร้างด่านที่ใหญ่และซับซ้อนมากขึ้น เพิ่มจำนวนศัตรูและสิ่งต่าง ๆ ให้มีรายละเอียดมากกว่าภาคแรก ในขณะที่ตัวเกมยังคงให้ผู้เล่นต้องเดินสำรวจด่านขนาดใหญ่ที่ไม่เป็นเส้นตรง และแต่ละด่านก็เต็มไปด้วยปีศาจที่สามารถฆ่าได้ตลอดเวลา เป้าหมายของเราคือฆ่าพวกมันให้หมด และไปยังพื้นที่ถัดไปเช่นเดียวกับภาคก่อน นอกจากนี้ตัวเกม Doom II ยังมีเลเวลความยากที่สูงกว่าภาคก่อน รวมถึงศัตรูใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามา แต่ทางเราก็มีอาวุธใหม่อย่าง Super Shotgun เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเอาตัวรอดจากความโหดร้ายของเกมได้
ในส่วนของฟังก์ชันก็มีการปรับปรุงโหมดการเล่นจาก Doom ภาคแรก ให้พัฒนาขึ้นใน Doom II รวมถึงการรองรับโมเด็มแบบไดอัลอัปที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยการเชื่อมต่อแบบไดอัลอัปสำหรับผู้เล่นสองคน ทำให้ผู้เล่นคนหนึ่งสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของผู้เล่นอีกคนเพื่อเล่นแบบร่วมมือกันได้ หรือจะเล่นแบบต่อสู้เดธแมตช์ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟังก์ชันเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) ซึ่งได้รับการปรับปรุงเมื่อมีการเผยแพร่แพตช์และการอัปเดตใหม่ ๆ เข้ามา เรียกว่าเอาใจสายเกมเมอร์ตั้งแต่ยุคนั้นเลยทีเดียว
ในส่วนของเนื้อเรื่องจะเกิดขึ้นทันทีหลังจากเหตุการณ์ใน Doom ภาคแรก ผู้เล่นจะได้กลับมารับบท Doomguy อีกครั้ง หลังจากเอาชนะ Spider Mastermind ได้ Doomguy ก็พบว่าพอร์ทัลไปยังโลกถูกเปิดโดยปีศาจ หลังจากกลับมายังโลก Doomguy ก็พบว่าตัวเองถูกปีศาจรุกรานโลก ฆ่าคนไปแล้วหลายพันล้านคน มนุษย์ที่รอดชีวิตจากการโจมตีได้วางแผนที่จะสร้างยานอวกาศขนาดใหญ่ ที่จะพาผู้รอดชีวิตที่เหลือไปสู่อวกาศ
แต่น่าเสียดายที่ท่าอวกาศบนพื้นดินแห่งเดียวของโลกถูกเหล่าปีศาจยึดครอง และสร้างกำแพงกั้นไว้เหนือท่าอวกาศนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ยานอวกาศออกไปได้ Doomguy จึงต้องต่อสู้กับเหล่าปีศาจจำนวนมาก เพื่อไปปิดการใช้งานสนามพลัง ทำให้มนุษย์ที่เหลือสามารถหลบหนีได้ เมื่อผู้รอดชีวิตทั้งหมดหนีออกจากโลกแล้ว Doomguy ก็เป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกพร้อมกับปีศาจ ซึ่งตอนนี้พวกมันก็กำลังจะชะตาขาดเพราะติดอยู่บนโลกนี้กับ Doomguy นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมภาคนี้
ในส่วนของกระแสตอบรับของ Doom II ก็เป็นไปในทางบวก โดยนักวิจารณ์กล่าวว่าเกมนี้ได้ปรับปรุงทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ Doom เวอร์ชันดั้งเดิมดียิ่งขึ้น และเกมนี้ได้รับการวิจารณ์ในปี 1995 จาก Dragon #216 โดย เดวิด เซ็ป คุก ในคอลัมน์ Eye of the Monitor ที่กล่าวว่า "หากคุณต้องการการสังหารที่โหดร้ายไร้สติสัมปชัญญะแต่สนุกเข้มข้น คุณก็จะได้สิ่งที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เกมนี้ไม่ใช่เกมที่ต้องมีแต่เป็นเกมที่คุณต้องเล่น หากคุณต้องการ Doom ที่ดีกว่าเดิมสนุกกว่าเดิมให้ซื้อเกมนี้"
ในส่วนของรางวัล Doom II ได้รับรางวัล Origins Award สาขาเกมคอมพิวเตอร์แฟนตาซีและนิยายวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 1994 ส่วนการขายอ้างอิงจากนิตยสาร Masters of Doom บริษัท id Software ได้จัดส่งเกม Doom II ออกไปจำนวน 600,000 ชุดไปยังร้านค้าเพื่อเตรียมเปิดตัว โดยการจัดส่งครั้งแรกนี้ขายหมดภายในหนึ่งเดือน ตรงข้ามกับที่ทาง id Software คาดว่าจะใช้เวลาสามเดือน ขณะที่ยอดสั่งซื้อล่วงหน้าก็มีเยอะจนไม่สามารถส่งร้านค้าได้ จนทำให้เกมดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาในปี 1994 และมียอดขายมากกว่า 1.2 ล้านชุดภายในหนึ่งปี และทำรายได้ 12.6 ล้านเหรียญสหรัฐในภูมิภาคนั้นในปีนั้นเพียงปีเดียว
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนคงอยากจะย้อนอดีต ไปสมัยที่ยังเป็นเด็กหัวเกรียนที่ร้านคอมเล่นเกมนี้ ก็สามารถไปหาซื้อมาเล่นได้บน PC ยุคใหม่ หรือจะไปหาเล่นบนเครื่องเกมคอนโซลทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ไป จนถึงบนโทรศัพท์มือถือก็มีเกม Doom ทั้งสองภาคให้เล่น นี่ยังไม่นับการเอา Doom ทั้งสองภาคมาทำให้ให้ภาพสวยขึ้นลื่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อคอเกมยุคนี้ และยังเพิ่มโหมดต่าง ๆ เพื่อให้เด็กยุคนี้ได้เล่น บอกเลยว่าสนุกสะใจไม่แพ้เกมภาคใหม่เลยทีเดียว แล้วคุณจะรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจ