
และแล้ววันนี้ก็มาถึงกับตอนจบที่แท้จริงไม่มีภาคต่อตอนเสริม หรือเรื่องราวต่อไปแต่อย่างใด กับเรื่องราวของ jujutsu kaisen มหาเวทผนึกมาร ที่ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือข่าวหลุดการคาดเดาของแฟน ๆ ที่ต่างก็คาดหวังว่าเรื่องราวของ jujutsu kaisen อาจจะมีภาคต่อออกมา จนเมื่อตอนสุดท้ายตามที่อาจารย์ประกาศออกมาคือตอนที่ 271 มันก็คือเรื่องราวที่จบลงจริง ๆ จะไม่มีภาคต่ออีกต่อไป ส่วนปริศนาที่ยังค้างคาไม่ได้เฉลยทางอาจารย์ก็คงปล่อยให้มันค้างคาไร้คำตอบอยู่อย่างนั้นต่อไป และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาดูสปอยล์ jujutsu kaisen ตอนที่ 271 กันเลย

เริ่มต้นเรื่องราวกับสามตัวละครหลักในเรื่องอย่าง ตัวประกอบหัวชมพูที่กายเป็นพระเอกวินาทีสุดท้ายอย่าง ยูจิ นายหัวฟูที่งอแงในร่าง สุคุนะ อยู่นานกว่าจะตื่นรู้ เมงุมิ และเดอะแบกที่มาใครเห็นก็ว่าตุยแต่กลับมาได้อย่าง โนบาระ โดยเรื่องราวมันจะต่อจากตอนที่แล้ว ที่ทั้งสามคนคุยกับชายหญิงที่บอกว่าแฟนของเธอนั้นอาจจะโดนคำสาป โนบาระบอกว่า ฉันไม่เห็นสัญลักษณ์ต้องสาปหรือเครื่องหมายหรือเทคนิคอาคมใด ๆ บนตัวผู้หญิงเลยนะ ไม่ใช่ว่าคนที่ทำเรื่องนี้จะอยู่แถว ๆ นี้หรอกหรอ แต่ถ้าไม่ใช่วิญญาณคำสาปก็ต้องเป็นนักสาปแช่งถูกไหม ก็แปลว่ามันต้องแอบอยู่ตรงไหนแน่ ๆ ทางยูจิก็ถามทั้งสองคนว่า นายคิดว่าเรายังอยู่ในระยะของอาคมมันไหม มันจะเป็นที่ตัวผู้หญิงหรือที่ห้องพักของเธอกันแน่ ทางเมงุมิก็บอกว่า ก็อาจจะเป็นไปได้หลายอย่าง เทคนิคอาคมแบบนี้เหมาะกับการลอบทำมากกว่า บางทีคนใช้คุณไสยคนนี้อาจจะไม่เก่งพอที่จะใช้พลังอาคม แบบนี้ก็เป็นปัญหานิดหน่อยละนะ ทางโนบาระเลยถามฝ่ายหญิงว่า นี่คุณแฟนสาว จำได้ไหมว่าเห็นหน้าแฟนกลับมาเป็นปกติตอนไหนบ้าง ผู้หญิงที่เป็นแฟนคนที่ชื่อ โชตะ บอกว่าจำไม่ได้หรอกค่ะ แต่ว่ามีตอนที่ฉันหลับอยู่ล่ะมั้งไม่รู้เหมือนกัน
เมงุมิที่ยืนคิดก็บอกว่า ถ้าแบบนั้นก็พอประมาณระยะความกว้างได้ราว ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางที่ 50 ซม. ถ้าให้พ้นระยะอาคมจริง ๆ คงอยู่ในระยะ 100 เมตร ทางยูจิจึงถามว่า ทำไงกันดี ตรงนี้มันย่านกลางค้าเลยนะ ทางโนบาระจึงออกความเห็นว่า มีอาคารมากเกินไปที่บล๊อคระยะการมองเห็นเพื่อค้นหาที่อยู่ของมัน แต่หากมันใช้อาคมอีกครั้งโดยไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ เราก็ค้นหามันเจอได้แน่นอน พอพูดจบทางโนบาระจึงเสนอให้พาผู้หญิงไปที่ไกล ๆ เพราะอาคมที่สาปจะได้หยุดทำงานเมื่อเป้าหมายออกจากระยะ ซึ่งยูจิก็เห็นด้วย

ยูจิเสนอให้พาผู้หญิงคนนี้ไปไปที่โล่ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ ทางเมงุมิเลยแซะแรง ๆ ไปว่า คงจะดีนะถ้ามีคนร้ายโง่ยอมตามเรามาแบบนั้น ทางยูจิที่รู้ว่าโดนแซะก็ของขึ้น โนบาระเลยเสนอให้ยูจิอุ้มผู้หญิงคนนี้วิ่งไปเพื่อให้หลุดออกจากระยะ 100 เมตรของคำสาป แต่ทางเมงุมิก็บอกก่อนที่ยูจิจะทำว่า ไม่มีทางที่ผู้ใช้คำสาปจะตามมาหรอก ทางยูจิรู้ว่าเมงุมิหลอกด่าโนบาระก็บอกเธอว่า เมงุมิก็หลอกด่าว่าเธอโง่เหมือนกัน ทางโนบาระก็เลยบอกต่อโดยไม่สนใจการยุของยูจิว่า แล้วมันจะเป็นยังไงถ้าสองคนนี้ขับรถออกไปเที่ยวข้างนอกละ แบบนั้นคงไม่มีอะไรน่าสงสัย ทางเมงุมิที่ยืนคิดก็บอกว่ามันอาจจะได้ผลถ้าใช้วิธีนั้น แต่เราต้องหาคนร้ายด้วยสายตาในขณะที่มันกำลังตามผู้หญิงคนนี้ด้วย เพราะผู้ใช้คุณไสยต้องเปิดใช้อาคมนี้ตลอดเวลาตอนที่ตาม
ทางยูจิที่ได้ฟังก็ออกความเห็นว่า ถ้าเกิดไม่เจอคนร้ายตอนเดินทางไปที่ไกล ๆ ก็อาจจะกลับมาเจอตรงที่ห้องก็ได้ พอถึงตอนนั้นอาคมที่นักสาปแช่งคนนั้นใช้ก็จะเปิดใช้งานอีกครั้ง เมงุมิจึงกล่าวว่า จังหวะเวลามันขึ้นอยู่กับคนร้ายล้วน ๆ โนบาระจึงบอกกับเมงุมิว่า นายไม่คิดว่าคนร้ายจะโงติดกับง่าย ๆ เกินไปหรอกหรอ ยูจิจึงบอกว่ามีคนที่โง่กล้าบ้าบิ่นแบบพวกเราตั้งเยอะ เมงุมิเสริมต่อว่า สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือการทำให้ทั้งคู่ออกจากรัศมีของผู้ใช้คุณไสยแบบเป็นธรรมชาติที่สุด เพื่อไม่ให้คนร้ายรู้ตัว พอพูดจบเมงุมิก็กลับไปบอกผู้หญิงที่เป็นแฟนของโชตะว่า เขาจะให้ทั้งคู่ออกไปจากระยะของอาคมโดยแกล้งทำเป็นไปหาเพื่อน แล้วกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนสุดที่นั่นโนบาระจะรออยู่ คนร้ายคือคนที่หมกมุ่นอยู่กับคุณ ฟุกุซาวะ ตลอด 24 ชั่วโมงในทุก ๆ วันมันต้องตามมาอย่างแน่นอน เมื่อทุกคนทำตามแผน ฟุกุซาวะ ก็กดลิฟต์ไปที่ชั้น 40 ที่พอพ้นจากระยะมา หญิงสาวก็เห็นหน้าแฟนของเธอกลับมาเป็นปกติแล้ว

พอฟุกุซาวะขึ้นมาถึงชั้น 40 ตัวผู้ใช่คุณไสยก็ปรากฏตัวออกมา โนบาระจึงเข้าจู่โจมทันที จนสามารถจับตัวคนร้ายได้ ทางโนบาระจึงถามฟุกุซาวะว่ารู้จักชายคนที่สาปเธอไหม หญิงสาวบอกว่าไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ทางคนร้ายที่เป็นผู้ใช้คุณไสยบอกว่า เขาแค้นฟุซากาวะเรื่องกระเป๋าที่เธอซื้อตัดหน้า สมัยเป็นพนักงานขายของ เมงุมิบอกว่าเรื่องแค่นี้ก็แค้นกันแล้วโคตรไร้สาระเลย พวกยูจิที่จับตัวผู้ใช้คุณไสยอยู่เขาก็เห็นสีหน้าของคนร้ายดูหวาดกลัว จึงเข้าไปบอกคนร้ายว่าไม่ต้องกลัวขนาดนี้ก็ได้ไม่ได้จะพาไปประหารซะหน่อย พอยูจิพูดจบมันก็ทำให้เขาคิดถึงตอนที่คุยกับอาจารย์โกะโจในอดีต
ยูจิพูดกับอาจารย์โกะโจว่า ถ้าเรียนกับคุซาคาเบะเสร็จแล้ว เขาก็อยากเรียนวิธีสลับร่างกับอาจารย์ต่อ ทางอาจารย์โกะโจก็ยิ้มและบอกว่า พอได้แล้วมั้ง ผมอยากให้นายคิดเกี่ยวกับอนาคตมากกว่านี้หน่อย แน่นอนว่าผมเองก็อยากให้นายเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมีความหวังหากผมไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าอนาคตผมถอนตัวไปก็จะมีจุดที่พวกนายเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมถูกไหมล่ะ อย่างน้อยควรมีใครสักคนในหมู่พวกนายที่ลืมการมีอยู่ของผม และก้าวข้ามตัวผมไปได้ ทางยูจิก็รีบแย้งว่า ไม่มีใครลืมอาจารย์ได้หรอก อาจารย์พูดเหมือนไม่ใช่อาจารย์เลย ทางอาจารย์โกะโจก็ยิ้มและบอกว่านายยังเด็กอยู่คงจะไม่เข้าใจ นี่มันเป็นความมั่นใจในแบบที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นใครเป็นแบบนี้มาก่อน ผมคาดหวังสิ่งดี ๆ จากนายอยู่นะยูจิ

กลับมาปัจจุบัน ยูจิคุยกับคนร้ายและบอกว่า ไม่ต้องกังวลไปนายแค่ต้องรู้สึกตัวให้ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นมันผิดและหาทางกลับตัว ฉันอยากให้นายใช้พลังที่มีในการมาช่วยเหลือผู้คน และพูดประโยคเดียวกับอาจารย์โกะโจว่า ฉันคาดหวังเรื่องดี ๆ จากนายอยู่ คนร้ายที่ได้ฟังก็มองหน้ายูจิด้วยความแปลกใจ เมื่อเสร็จจากการคุยกัน โนบาระก็ถามยูจิเกี่ยวกับนิ้วสุดท้ายของสุคุนะ ยูจิบอกว่าจะเอาไปวางไว้ในตู้ที่ที่มันควรอยู่ แม้ทางเมงุมิจะกังวล แต่ยูจิบอกว่าตอนนี้มันก็เป็นแค่เครื่องรางธรรมดาเท่านั้นไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว
ตัดฉาดตัดไปที่เส้นทางของดวงวิญญาณ เป็นการคุยกันระหว่าง สุคุนะ และ มาฮิโตะ ทางมาฮิโตะทักสุคุนะแบบเพื่อนว่า ไงสุคุนะไม่คิดว่าจะได้เห็นแกที่นี่ ทางสุคุนะที่ถูกทักก็พูดไปแบบเท่ ๆ ว่า ไม่นึกเหมือนกันว่าฉันจะได้คุยกับแกอีกเป็นครั้งที่สอง ทางมาฮิโตะก็ยิ้มและบอกว่า เทคนิคอาคมของฉันคือการทำให้ดวงวิญญาณสับสน สิ่งที่แกเห็นตอนนี้คือเศษซากของดวงวิญญาณที่กำลังเดินตามวัฏจักรของวิญญาณ ฉันมีเรื่องที่อยากจะถามแก มาฮิโตะมองหน้าสุคุนะ แกโกหกใช่ไหม แกโกหกทั้งตัวเองและคนอื่น ๆ จริง ๆ แล้วแกไม่ได้ใช้ชีวิตตามแบบที่ตัวเองต้องการเลย แกแค่ต้องการแก้แค้นเพราะแกแค้นผู้คนที่ดูถูกรังแกตัวแก เป็นเด็กที่น่าสงสารจริง ๆ ทางสุคุนะก็ตอบแบบน้ำเสียงราบเรียบว่า แล้วมันต่างกันตรงไหนข้าใช้ชีวิตแบบที่ข้าเลือกเอง และข้ารู้จักมันจึงเดินตามเส้นทางนี้ แต่อันที่จริงแล้วข้าเองก็มีทางเลือกอยู่สองทางในตอนนั้น แต่ข้าอดไม่ได้ที่จะพ่นคำสาปที่ปะทุอยู่ภายในใจออกมา ข้าเองก็กลัวว่าคำสาปจะแผดเผาตัวเองให้มอดไหม้ ก็ถ้ามีโอกาสข้าอาจจะเลือกอีกทางก็ได้ แต่ถึงยังไงมันก็ชัดเจนว่าข้าแพ้แล้วก่อนที่สุคุนะจะเดินจากไป มาฮิโตะบ่นออกมาดัง ๆ แกมันน่าเบื่อ แล้วคิดจะจากไปทั้งแบบนี้หรอ สุดท้ายก็เหลือแค่ฉันที่งอแงเป็นเด็ก

ก่อนจะตัดมาที่หน้าสุดท้ายยูจิเดินเอานิ้วสุดท้ายของสุคนะมาเก็บไว้ในตู้เล็ก ๆ ประหนึ่งศาลเจ้าในป่า (น่าจะเป็นที่โรงเรียนในตอนที่ 1) ก่อนจะตัดภาพมาที่นักคุณไสยในโรงเรียนที่ทุกคนต่างก็ยิ้มอย่างมีความสุข จบบริบูรณ์.... และมีคำโปรยสุดท้ายของอาจารย์ อาตากุมิ เกะเงะ บอกว่า ขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ ตลอด 6 ปีครึ่งปีที่ผ่านมา โปรดติดตามผลงานถัด ๆ ไปในอนาคต ในส่วนนี้จะเป็นภาค 2 หรือผลงานใหม่ของอาจารย์แก ที่ถ้ามีความคืบหน้าเราจะเอามารายงาน และมาสปอยล์ให้อ่านแน่นอนติดตามเอาไว้ได้เลย ส่วนใครที่อยากอ่านตัวเต็มแบบชัด ๆ ก็รอไปอ่านที่ MANGA Plus ต่อได้เลย ยังไงก็อ่านสปอยล์ตรงนี้ไปก่อนพอตัวเต็มมาจะได้อ่านแบบเห็นภาพกันอีกที แล้วพบกันใหม่สปอยล์หน้า