รีวิวซีรีส์ Netflix หากไม้ล้มในป่าลึก เรื่องราวของคนธรรมดาที่ชีวิตเปลี่ยนเพราะคน ๆ เดียว

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พุทธศักราช 2567 13 นาฬิกา 50 นาที 52 วินาที เวลาอินโดจีน

HeroMon

เมื่อไม่กี่วันก่อนทาง Netflix ได้ปล่อยซีรีส์เกาหลีความยาว 8 ตอนเรื่อง The Frog หากไม้ล้มในป่าลึก ที่นำแสดงโดย โก มินซี นักแสดงสาวสุดน่ารักจากซีรีส์ Sweet Home มาเป็นตัวนำเลยดึงความสนใจใครหลาย ๆ คนให้มาดู พอเริ่มต้นดูตัวเรื่องในตอนแรกมันจะอืดแบบเรื่อย ๆ เป็นชีวิตของชายแก่สองคนที่เปิดโฮมสเตย์กลางป่าบนภูเขา ก่อนที่ช่วงท้ายตอนจะจบตอนก็ชวนคนดูที่กำลังจะหลับให้ตื่นขึ้นมาดู จนเราเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า แล้วเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป สำหรับคนที่ลังเลว่าจะดูดีไหมมันจะสนุกรึเปล่า วันนี้เราจะเอามารีวิวให้คุณได้อ่านแบบละเอียดเลยทีเดียว (แต่ไม่มีสปอยล์สบายใจได้) ถ้าพร้อมแล้วมาดูรีวิว หากไม้ล้มในป่าลึก เรื่องราวของเหล่าคนธรรมดาที่ชีวิตเปลี่ยนเพราะคน ๆ เดียวมาทำพัง ไปพร้อม ๆ กันเลย

เรื่องราวย่อ ๆ ของ The Frog หากไม้ล้มในป่าลึก จะกล่าวถึง จอน ยองฮา คุณลุงวัยเกษียณที่มาเปิดโฮมสเตย์กลางป่าบนภูเขากับเพื่อนสนิท ที่ชีวิตก็แสนจะธรรมดาพร้อมกับคำโปรยที่บรรยาว่า "หากต้นไม้ใหญ่ล้มในป่า จะมีเสียงดังไหม จะมีคนรับรู้รึเปล่า" ก่อนที่คุณแม่ลูกหนึ่งที่ชื่อ ซูยอง อา สาวสวยผมสั้นที่มาพร้อมกับเด็กชายหน้าตาน่ารักมาขอเช่าพักที่โฮมสเตย์ของตน ที่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวปริศนาทั้งหมด กับการตัดสลับมาที่เรื่องราวของครอบครัวพ่อแม่ลูกที่เปิดโรงแรมกลางภูเขา ที่บังเอิญดันไปรับฆาตกรฆ่าหั่นศพมาพัก (เขาจอดรถอยู่ดี ๆ ก็ไปเรียกเขามาพักในโรงแรมตัวเอง) จนชีวิตครอบครัวและโรงแรมต้องพัง แถมด้วยเรื่องราวของตำรวจหญิงที่ได้ฉายาว่าเป็นตำรวจสืบสวนที่กัดไม่ปล่อย และแก้ไขปริศนาฆาตกรรมต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ นั่นเรื่องราวราวการเดินทางของสี่เรื่องราว (รวมเจ๊ ซูยอง อา ตัวต้นเรื่องด้วย) ที่เกี่ยวกันอย่างลงตัว ก่อนที่ทุกกอย่างจะมารวมกันในช่วง 3 ตอนสุดท้าย

อย่างที่เราได้บอกไปในตอนต้น ว่าเรื่องราวในตอนแรกสุดของซีรีส์นั้นเรียกว่าเรียบ ๆ เรื่อย ๆ อืด ๆ เอื่อย ๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ กับชีวิตของคุณลุงแว่น จอน ยองฮา ที่บอกเลยว่าชวนหลับแบบสุด ๆ แม้แต่ตอนที่ ซูยอง อา ตัวต้นเรื่องที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมดของเรื่องปรากฏตัวออกมา เรื่องก็ยังไม่เดินไปไหน ตัดสลับไปกับครอบครัวพ่อแม่ลูกที่เปิดโรงแรมก็เช่นกัน เหมือนตัวซีรีส์ต้องการให้เรารู้จักและบอกเราว่าตัวละครเหล่านี้เขามีชีวิตที่ปกติเหมือนคนทั่วไป จนกระทั่งช่วงท้ายของตอนที่ 1 ที่เหมือนต้นไม้ล้มในป่า เพราะมันกระตุุ้นความสนใจของคนดู เมื่อตัวต้นเรื่องอย่าง ซูยอง อา เดินอยู่ในโฮมสเตย์พร้อมเลือดเต็มตัว เท่านั้นละความสนุกก็เริ่มต้นขึ้น

โดยเรื่องราวของซีรีส์นั้นจะเป็นการตัดสลับไปมาของสี่เรื่องราว ที่ตอนแรกเราจะคิดอีกอย่าง พอดู ๆ ไปเราจะค้นพบว่าเรื่องราวมันคนละช่วงเวลากันนี่นา ก่อนที่เราจะอ้าวอีกรอบว่าหรือนี่จะเป็นเรื่องราวเดียวกัน ก่อนจะค้นพบอีกว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกันเลยนี่นา และก็มาค้นพบอีกว่ามันเกี่ยวกันได้เฉยเลย โดยตัวเรื่องได้บอกใบ้เรามาตลอดตั้งแต่ตอนแรกทั้งโทรศัพท์ที่ตัวละครใช้ การแต่งตัว หรือแม้แต่บทบรรยายที่พูดถึงไม้ล้มในป่าที่จะเหมือนตัวละคร 2 คนบางทีก็คนเดียวพูดก่อนเริ่มเรื่อง ที่พอเราดูครบทุกตอนเราจะอ๋อและรู้ทันทีว่าใครเป็นคนพูดเรื่องต้นไม้และพูดถึงเรื่องอะไรกัน ที่นับเป็นการวางมุกให้เราสงสัยอยากรู้และไม่เข้าใจ แต่พอเรื่องราวดำเนินไปเรื่อย ๆ เราก็จะเข้าใจทุกอย่างได้เองอย่างไม่น่าเชื่อ

เล่ามาแบบนี้หลายคนอาจจะกลัวว่า การตัดสลับเรื่องราวไปมาของหลายตัวละครที่ไม่ได้เกี่ยวกันมันจะชวนงงไหม เพราะหลายคนกลัวจะดูไม่รู้เรื่อง ซึ่งทางคนเขียนบทกับผู้กำกับก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี เลยพยายามเล่าเรื่องช้า ๆ ที่ทั้งสี่ตัวละครจะมีเรื่องราวปมของตนที่ชัดเจน ที่พอตัดมาที่เรื่องราวของตัวละครนี้เราก็จะอ้อจำได้ว่าเรื่องนี้มีปมนี้ พอตัดไปที่ตัวละครนี้เราก็จะอ้อตัวละครนี้มีปมนั้นทำให้เราไม่งง แต่ที่จะงงก็คือแล้วทั้งหมดมันเกี่ยวอะไรกันมากกว่า จนสุดท้ายเรืองก็มาขมวดปมใน 3 ตอนสุดท้ายที่เฉลยทุกอย่าง จนบางทีเราก็ถึงกับอุทานออกมาว่า เอ็งปูเรื่องมาตั้ง 5 ตอนเพื่อฉากนี้ฉากเดียวเนี้ยนะ ซึ่งไอ้ฉากเดียวนี่ละที่ชวนลุ้นสุด ๆ

อีกเรื่องที่ต้องชมคือเหล่านักแสดงที่เล่นได้อินในบทบาทสุด ๆ สีหน้าแววตาท่าทางแบบไปสุดจริง ๆ บวกกับเนื้อเรื่องที่เกาลี๊เกาหลี นี่ยังไม่นับซอฟต์พาวเวอร์ในเรื่อง ทั้งการกินโซจู อาหารเกาหลี ที่ถ้านับฉากกินอย่างเดียวก็เอามารวมได้ 1 ตอนเลยทีเดียว แถมทุกตัวละครแม้แต่ตัวประกอบก็เอามาใช้จนคุ้มครบทุกตัว ส่วนเสียงพากย์ไทยก็ดีงามได้มาตรฐาน ที่ดูเพลินไม่มีจุดต้องติติงอะไร มีทั้งคำด่าการตะโกนการใส่อารมณ์ที่บอกเลยวเสียงพากย์ไทยทำได้ดีสุด ๆ ดูไปก็แอบขนลุกเลยทีเดียว

มาที่ข้อเสียกันบ้างที่แม้เนื้อเรื่องจะโดดเด่นชัดเจนและชวนติดตามมาก ๆ ก็ตาม แต่ก็มีหลายช่วงที่เนื้อรื่องดูแกว่งออกไปทางตลกแอบขำ ที่เอาจริง ๆ ส่วนนี้ไม่ต้องมีก็ได้ อย่างการหาวิธีไล่เจ๊ซูยอง อาที่อยู่ในบ้านให้ออกไป ด้วยการให้คนเช่าคนอื่นมาเช่าต่อ หรือตัวละครที่คิดช้าทำช้าอึก ๆ อัก ๆ ไม่เอาอะไรเสียที หรือบางครั้งตัวละครก็ลำไยงี่เง่าดราม่าเกินเหตุ ที่เอาจริง ๆ มันก็ควรมีนั่นละแต่บางทีก็ไม่ต้องมีเยอะก็ได้ รวมถึงหน้าตาตัวละครที่ดันไปเหมือนกัน อย่างนักข่าวที่มาขอทำคดีฆาตกรรม กับลูกชายของเจ้าของโรงแรม พอเนื้อเรื่องเฉลยมาจนถึงส่วนหนึ่ง เราจะคิดว่าตัวละครนี้คือคนเดียวกัน เพราะทรงผมแว่นตาดันเหมือนกัน ซึ่งส่วนนี้พอมาคิด ๆ ดูดี ๆ แล้วเหมือนคนสร้างจงใจทำให้เราคิดแบบนั้นมากกว่า

รวมถึงตัวละครตำรวจหญิงด้วยที่ในเรื่องดันมี 2 คนจนเรางงว่าทั้งคู่คือใคร พอมาเฉลยก็อ้อโอเคเข้าใจได้ แต่กว่าจะเฉลยก็เล่นเอาเรางงอยู่นานมาก ๆ รวมถึงเรื่องราวของนักข่าวกับลูกเจ้าโรงแรมก็เช่นกัน ที่กว่าเราจะรู้ว่าทั้งคู่คือคนละคนกันก็เล่นเอาช่วง 3 ตอนสุดท้ายไปแล้ว และที่ค่อนข้างขัดใจอีกเรื่องคือการโยงให้เรื่องราวทุกอย่างมาเชื่อมกันมันดูง่ายไปหน่อย แค่เห็นรูปถ่ายเลยอยากไปถามคนที่อยู่ในสถานการณ์คล้าย ๆ กันว่ารู้สึกอย่างไร จนตกกระไดพลอยโจนไปกับตัวละครด้วย แถมพอมาเจอก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเฉยเลย ทั้งที่ตัวละครนี้เพิ่งรู้จักกันไม่ถึง 10 นาทีแถมกระทืบกันเกือบตายเพราะเข้าใจผิด เหมือนทางคนเขียนบทอยากให้เนื้อเรื่องมันเชื่อมกันก็เลยต้องทำแบบนี้ นี่ยังไม่นับอาการไบโพล่าของตัวละคร ที่เดี๋ยววิ่งไล่ฆ่ากันซักพักก็มายืนคุยแล้วก็แยกย้าย แล้วก็มาวิ่งไล่ใหม่ หรือบางครั้งตัวละครก็ยืนรอให้อีกฝ่ายโทรศัพท์ทั้งที่เอ็งจะฆ่าเขาแล้ว จังหวะแบบนี้มันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ก็รู้ว่ามันเป็นมุกเป็นเทคนิคการเล่าเรื่อง แต่มาบ่อย ๆ และเกือบทุกตัวจะทำแบบนี้ มันเลยไม่สมเหตุสมผลจนแอบขัดใจ

ใครอยากหาซีรีส์ดูสนุกเพลิน ๆ ชวนติดตามว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ลองหามาดู ตัว โก มินซี ดูสวยน่ารักดูมีปริศนาและชวนด่าได้ในคน ๆ เดียว แถมช่วย 3 ตอนสุดท้ายก็เรียกว่าตื่นเต้นคลายปมที่เราสงสัยทั้งหมดกับการตอบคำถามที่ตลอดเรื่องถามเราว่า "หากต้นไม้ใหญ่ล้มในป่าจะมีเสียงไหมจะมีคนเห็นรึเปล่า" กับประโยคที่ว่า "ระหว่างกบที่ถูกคนปาหินใส่ และเราที่เป็นกบก็มัวแต่โทษตัวเองว่าทำไมทุกคนถึงปาหินใส่เรา กับการเปลี่ยนตัวเองจากกบเป็นผู้ล่ามันไม่ดีกว่าหรอ" ที่ถ้าอ่านตรงนี้คุณอาจจะงง แต่พอคุณได้ดูจนจบคุณจะเข้าใจของสองประโยคนี้ทันที (หรืออาจจะงงกว่าเดิม) ส่วนคะแนนก็ขอให้ 7.5 เต็ม 10 ข้อดีอย่างที่บอกข้อเสียอย่างที่ว่าไป ลองไปหามาดูคุณอาจจะชอบเรื่องแนวนี้ก็ได้ใครจะรู้

Tags: #รีวิวซีรีส์_Netflix_หากไม้ล้มในป่าลึก #Netflix #รีวิวซีรีส์_หากไม้ล้มในป่าลึก

Entertainment