อยู่ดีไม่ว่าดีก็เอาตัวเองไปขึ้นเขียงให้โดนสับเล่นเสียอย่างนั้น กับเกม RPG ในตำนานที่ถูกเอามาทำใหม่ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ (แต่ถามว่าซื้อไหม ซื้อ !!) อย่าง Dragon Quest III ที่คราวนี้จะมาในรูปแบบ Dragon Quest III HD-2D Remake ที่หลายคนน่าจะทราบข่าวกันอยู่แล้วคงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก ส่วนที่กล่าวว่าตัวเกม Dragon Quest III HD-2D Remake เอาตัวเองไปขึ้นเขียง นั่นก็เพราะทางค่ายดันไปปรับตัวเกมหลาย ๆ ส่วนเพื่อเอาใจสายพวกตื่นรู้อย่าง Woke ด้วยการไม่ระบุเพศตัวละครตามต้นฉบับแต่จะเปลี่ยนเป็นการเลือกตัวละคร A ที่มีลักษณะเหมือนชาย กับ B ที่เป็นลักษณะของเพศหญิง รวมถึงการเปลี่ยนรูปร่างมอนสเตอร์บางตัวจนหลายคนบ่นว่าพี่จะ Woke ตามคนอื่นไปเพื่อ พอเจอแบบนี้เราเลยอยากจะเอามาแซวกันเล่น ๆ ว่าถ้าทาง สแควร์เอนิกซ์ จะมาทางนี้จริง ๆ ในเกม Dragon Quest III HD-2D Remake ต้องเปลี่ยนอะไรบ้างเรามาดูไปพร้อมกันเลย
1. เพิ่มตัวละครผิวดำลงไปในเพื่อนร่วมทีมอาชีพต่าง ๆ
เริ่มต้นเรื่องแรกที่ถ้าพี่จะ Woke ให้สุดก็ควรเปลี่ยนตัวละครเพื่อนร่วมทีมเราให้เป็นผิวดำเพิ่มมาด้วย ซึ่งถ้าคุณเคยเล่นเกม Dragon Quest III ฉบับเก่า ๆ มาก่อนจะทราบดีว่าเกมนี้จะมีระบบเพื่อนร่วมทีมเหมือนกับใน Dragon Quest lX ที่เราจะสามารถเดินไปเลือกเพื่อน ๆ ที่ร้านเหล้า รุยด้า โดยเราสามารถเลือกเพศ (อุ๊ยเกมนี้เลือกเพศไม่ได้ขออภัย) เราสามารถเลือกว่าจะเอาตัวละคร A หรือ B เลือกอาชีพได้ หรือจะให้เกมสุ่มเพื่อนร่วมทีมมาให้ก็ได้ว่าจะได้เพศ (เขียนผิดอีกและ) เลือก A หรือ B ได้ และเพื่อต้องการเอาใจตลาดทาง สแควร์เอนิกซ์ ก็ควรใส่ตัวละครผิวดำลงไปได้เลย ก็เกมนี้มันโลกแฟนตาซีจะมีคนผิวดำก็ไม่แปลกนี่นา
2. ใส่ตัวละคร NPC ผิวดำลงไป รวมถึงคนอ้วนคนแก่
หรือถ้าไม่อยากไปปรับตัวละครเพื่อนร่วมทีมให้เป็นผิวดำเพราะกลัวจะไปกระทบต้นฉบับ ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นการเพิ่มตัวละครชาวบ้านที่เป็น NPC ให้มีผิวดำหลาย ๆ เชื้อชาติลงไปแทนก็ได้ เพราะถ้าใครที่เล่นเกมซีรีส์ Dragon Quest มาคงจะรู้ว่าเกมนี้มีตัวละครที่เป็นเพื่อนร่วมทีมผิวดำคนอ้วนอยู่เลย จะมีก็แค่ภาค 4 กับ 6 ที่มีตัวละครผิวดำ ส่วนภาค 8 ก็มีคนอ้วนขี้เหร่มาเป็นเพื่อนร่วมทีม ส่วนเกม Dragon Quest III ฉบับเก่าไม่มี ซึ่งไหน ๆ ก็เพิ่มความ Woke ไปแล้วก็เพิ่มตัวละคร NPC ลงไปในเกมหรือไม่ก็บอกเป็นบทพูดก็ได้ว่า "ตัวฉันนั้นเป็นเพศทางเลือกไม่ใช่เพศที่คุณเห็นฉันตอนนี้" หรือไม่ก็ให้ NPC บอกกับเราว่า "ฉันยอมรับความหลากหลายเราสามารถเลือกจะเป็นเพศอะไรก็ได้" ลงไป เท่านี้คุณก็ Woke สมใจแล้ว
3. เปลี่ยนมอนสเตอร์ที่เหมือนคนดำออกไป
อีกหนึ่งความ Woke ที่แฟน ๆ บอกฉันรับไม่ได้นั่นคือการปรับมอนสเตอร์บางตัวใหม่ ยกตัวอย่างพี่ยักษ์ตัวนี้ที่ถูกลบริมฝีปากออกไปเพราะมันสื่อถึงคนดำ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าตัวละครคนขาวจะฆ่ามอนสเตอร์ที่เหมือนคนดำ เลยเปลี่ยนเพื่อไม่ให้เหมือนคนดำ และพอเราไปไล่ดูตัวละครมอนสเตอร์ของ Dragon Quest lll (นับเฉพาะเกมภาคนี้) เราก็จะเจอตัวละครมอนสเตอร์อีกหลายตัวที่มีสีดำอย่างตัว เพชฌฆาต ที่ถือขวาน (รูปด้านล่าง) ที่ก็มีผิวดำอันนี้ก็ควรจะเปลี่ยนสีเป็นสีอื่นเพื่อความเหมาะสม รวมถึงตัวละครอื่น ๆ ที่เป็นผิวดำหรือออกคล้ำ ๆ ก็เปลี่ยนให้หมดเดี๋ยวพวกตื่นรู้จะหาว่าคนขาวไล่ฟันคนดำ (แต่คนดำไล่ฆ่าคนเอเชียใน Assassin's Creed Shadows ได้)
4. ต่างประเทศบางคนบอกว่าอาจารย์ โทริยามะ ผู้ออกเพื่อล้อเลียนคนดำ
อันนี้ก็ดูแปลกมาก ๆ ที่มีคนคิดแบบนี้ ที่พอทางเอเชียของเราออกแบบตัวละครที่เป็นคนดำในเรื่อง มักจะถูกหาว่าเอาตัวละครนั้นมาล้อเลียน ทั้งที่ในเรื่องก็มีตัวละครต่าง ๆ อีกตั้งหลายเชื้อชาติแต่ไม่โดนเอามาพูดถึง อย่างหัวข้อที่เราได้บอกไปเมื่อข้างต้นว่า ตัวละครมอนสเตอร์เหมือนคนดำเลยต้องเปลี่ยน อันนั้นอาจารย์โทริยามะแกคงจะได้ต้นแบบมาจากคนดำจริง ๆ แต่เนื้อแท้ของการออกแบบแกไม่ได้จงใจเหยียดหรือดูถูกคนดำอย่างที่คิดหรอก เหมือนตัวละครมอนสเตอร์ที่เหมือนคนขาว ทำไมไม่มีคนบอกว่าเอาคนขาวมาล้อบ้าง คือบางทีก็งงกับความคิดของคนเหล่านี้ว่าคิดได้อย่างไร ว่าเราจงใจออกแบบตัวละครล้อคนดำในเกมจนทางค่ายต้องเปลี่ยนเพราะเอาใจพวก Woke
เอาจริง ๆ เนื้อหาในบทความนี้ก็ตั้งใจประชดนั่นละ เพราะในฐานะแฟนเกมอะไรที่มันดีอยู่แล้วก็ควรปล่อยมันไปอย่าไปยุ่งหรือไปเปลี่ยนมัน เพราะคนส่วนมากโดยเฉพาะคนเล่นเกมเขาไม่คิดไม่รู้ไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นคนดำคนเอเชียหรือ Woke ไหม เลิกได้ควรเลิกไอ้ความคิดที่คนอื่นจะเหยียดคนเชื้อชาติอื่นผ่านผลงานที่ผ่าน ๆ มา (บางเรื่องจากที่คนไม่รู้ไม่สนใจจะรู้เพราะพวกคุณ ๆ Woke กันนี่ละ) และถึงเกม Dragon Quest III HD-2D Remake จะ Woke ขนาดไหนเราก็ซื้อกันอยู่ดี แต่ถ้าจะให้ดีไม่ต้อง Woke หรอกทำแบบที่มันควรเป็นจะดีที่สุด