
วันเวลาผ่านไปไวดั่งโกหกเพราะรู้สึกตัวอีกทีเกมที่เราเคยเล่นเคยสนุก และเคยหัวร้อนกับมันอย่าง Dragon Quest XI Echoes of an Elusive Age ก็มีอายุถึง 7 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 29 กรกฎาคม 2017 บนเครื่อง PlayStation 4 และ Nintendo 3DS ที่ทางตัวเกมซีรีส์ Dragon Quest จะมีแนวทางในการเอาเกมภาคหลักมาลงให้เฉพาะเครื่องเกมที่เป็นเจ้าตลาดในตอนนั้นอย่างเดียว ซึ่งเมื่อ 7 ปีที่แล้วเครื่อง PlayStation 4 ก็เป็นเจ้าตลาดในฝั่งคอนโซล ส่วนเกมพกพาก็มี Nintendo 3DS ทางค่ายเลยทำมันทั้งสองเครื่องไปเลย และวางจำหน่ายวันเดียวกัน ส่วน PC วางจำหน่ายในเดือนกันยายนปี 2018 ส่วนฉบับปรับปรุงในชื่อ Dragon Quest XI S Echoes of an Elusive Age วางจำหน่ายสำหรับ Nintendo Switch ในเดือนกันยายน 2019 วันนี้เรามาย้อนอดีตวันวานเกี่ยวกับเกมนี้กัน
โดยเรื่องราวของเกม Dragon Quest XI จะเกิดขึ้นในอาณาจักร Dundrasil ที่ถูกรุกรานและทำลายโดยกองทัพมอนสเตอร์ ในขณะนั้นผู้กล้า (ตัวเอกเกมนี้เราต้องตั้งชื่อเอง) ยังเป็นทารก็รอดมาได้ และลอยน้ำมาจนมีคุณตาคนหนึ่งมาเจอเลยรับเลี้ยงในหมู่บ้าน พอตัวเอกเติบโตหลังจากพิธีบรรลุนิติภาวะ ทางผู้กล้าก็รู้ถึงชาติกำเนินตัวเองว่าคือผู้กล้าที่ต้องปกป้องโลกจากปีศาจ เมื่อเป็นแบบนั้นสิ่งแรกที่ผู้กล้าเราต้องทำคือการไปพบกับกษัตริย์ คาร์เนเลี่ยน แห่งอาณาจักร Heliodor แต่พอไปถึงแทนที่เขาจะได้รับการยกย่องในฐานะผู้กล้า แต่กษัตริย์กล่าวหาว่าเขาเป็นปีศาจและโยนเขาลงในคุกใต้ดิน ผู้กล้าของเราเลยต้องหาทางหนีและรวบรวมเพื่อน ๆ เพื่อช่วยโลกใบนี้จากราชาปีศาจ นั่นคือเรื่องราวคร่าว ๆ ของเกมภาคนี้
ตัวเกม Dragon Quest XI ยังคงรูปแบบการเล่นเหมือนเกมภาคก่อนหน้าในซีรีส์ โดยผู้เล่นจะได้สำรวจโลกกว้างและต่อสู้กับสัตว์ประหลาดต่าง ๆ โดยตัวเกมที่มี 2 เวอร์ชันเลยทำให้อารมณ์การเล่นต่างกันมาก ๆ ยกตัวอย่างเวอร์ชัน Nintendo 3DS มีสไตล์ที่แตกต่างจากเวอร์ชันคอนโซล ตัวเกมจะแสดงกราฟิก 3 มิติบนหน้าจอด้านบนและสไปรต์สไตล์ 16 บิตบนหน้าจอด้านล่าง นอกเหนือจากการต่อสู้ผู้เล่นสามารถสลับไปมาระหว่างรูปแบบกราฟิก 3 มิติและ 2 มิติได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับ Dragon Quest IX ของ PlayStation 4 ส่วนระบบการต่อสู้ของเกมจะไม่มีการเผชิญหน้าแบบสุ่มแบบภาคก่อน แต่จะแสดงศัตรูทั้งหมดในฉากที่ถ้าเราวิ่งไปชนก็จะเกิดการต่อสู้ โดยระบบการต่อสู้ยังเพิ่มตัวเลือกกล้องแบบฟรีฟอร์ม ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก MMORPG ของ Dragon Quest X ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ สนามรบที่ปิดล้อมได้ แต่เชื่อเถอะว่าทุกคนชอบแบบยืนหน้ากระดานมากกว่า
โดยในตอนแรกทีมงานได้พิจารณาที่จะสร้างเกมแบบ Open World เต็มรูปแบบ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกในตอนท้าย เพราะมันจะมีปัญหาในการเล่าเรื่องราวของเกม ซึ่งเวอร์ชัน PlayStation 4, PC และ Nintendo Switch ก็ใช้เอนจิ้นเกมของ Unreal Engine 4 และได้รับความช่วยเหลือด้านการพัฒนาจาก ORCA Inc ในส่วนของเวอร์ชัน 3DS ได้รับความช่วยเหลือจาก Toylogic Inc. ส่วนโหมด 2D ที่มีอยู่ในเวอร์ชัน Nintendo 3DS และ Definitive Edition ได้รับการพัฒนาโดย ArtePiazza และเมื่อตัวเกมวางจำหน่ายก็ได้รับเสียงชื่นชมในเชิงบวก ทั้งกราฟิกเนื้อเรื่องที่จะถูกติก็คือระบบการเล่นที่แทบไม่พัฒนาเลยมาตั้งแต่ภาคแรก ๆ ส่วนยอดขายตัวเกมเกมสามารถขายได้มากกว่าสองล้านชุด ในช่วงสองวันแรกของการขายในญี่ปุ่น โดยเวอร์ชัน Nintendo 3DS ขายได้ 1.13 ล้านชุด ในขณะที่เวอร์ชัน PlayStation 4 ขายได้ 0.95 ล้านชุด

ใครที่สนใจอยากหาเกมมาเล่นก็แนะนำให้เล่นในเวอร์ชัน Dragon Quest XI S Echoes of an Elusive Age จะดีกว่า (ตอนซื้อดูตัวอักษร S บนชื่อจะได้ไม่ซื้อผิด) ตัวเกมภาคนี้ได้เพิ่มสิ่งต่าง ๆ และปรับปรุงหลาย ๆ ส่วนให้ดีขึ้นกว่าฉบับเก่า ส่วนราคานั้นก็มีหลายราคาให้เลือกทั้งมือ 1 มือ 2 ส่วนใครที่สมัคร PlayStation Plus ก็ไปโหลดมาเล่นได้เลย ตัวเกมค่อนข้างสนุกเลยทีเดียว เนื้อเรื่องก็โอเคจะมาแย่ตรงบอสใหญ่ที่โหดเกินงามไปมาก ๆ ลองไปหามาเล่นดูคุณอาจจะถูกตกเป็นแฟนซีรีส์นี้ก็ได้ใครจะรู้ พอเล่นจบก็ไปเตรียมตัวเล่น Dragon Quest III HD-2D Remake ต่อเลยเพราะเนื้อเรื่องมันเชื่อมกันอยู่