
นาน ๆ จะได้เห็นกับเขาเสียทีกับเรื่องราวของหนังซอมบี้ในบ้านเรา หลังจากที่เราเคยเห็นหนังซอมบี้ในเรื่องสั้นของ 5 แพร่ง ตอน Backpackers ไปแล้ว ที่อันนั้นบอกเลยว่าทำดีโคตร ๆ จนน่าเอามาขยายเป็นเรื่องยาว หลังจากนั้นเราก็ได้เห็นหนังซอมบี้ไทยอีกเรื่องนั่นคือ กัดกระชากเกรียน ของคุณ พจน์ อานนท์ ตามด้วย ซอมบี้ไทบ้าน และล่าสุดก็คือหนังซอมบี้ที่ลงมาฉายทาง Netflix แบบสด ๆ ร้อนจนติดอันดับภาพยนตร์ที่มีคนดูเยอะเป็นอันดัยที่ 2 ของบ้านเรากับ อีสานซอมบี้ (E-Sarn Zombie) ภาพยนตร์ซอมบี้ตลกเฮฮาเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูขำแต่แฟน ๆ หนังซอมบี้ทุกคนจะสาปส่งกับความไร้สาระเล่นกับความตายของภาพยนตร์เรื่องนี้ เรามาดูรีวิวภาพยนตร์เรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
เรื่องราวของอีสานซอมบี้จะกล่าวถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ที่กำลังจะมีงานบวชลูกชายของกำนันและจะเชิญนักร้องขวัญใจชาวอีสานอย่างคุณ ศิริพร อำไพพงษ์ มาแสดง โดยเรื่องราวจะบอกเล่าผ่าน ต้นนันท์ เด็กสาวที่เลี้ยงปอบเอาไว้ในโบสถ์ร้างที่วัดแห่งหนึ่ง ส่วนตัวของเธอนั้นเป็นผนักงานซูเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่ง โดยเธอนั้นได้แอยขโมยเอาเนื้อที่ขายไม่ออกและต้องทิ้งไปให้ปอบเหล่านี้กิน จนทางผู้จัดการคนใหม่มารู้เห็นเลยสั่งให้ใช้สารเคมีราดบนเนื้อก่อนก่อนเอาไปทิ้ง ซึ่งเมื่อเนื้อกับสารเคมีมาผสมกันเลยเกิดเป็นความวายปวงกลางงานบวชลูกชายกำนัน พร้อมความตลกเฮฮาที่ต้องอุทานออกมาดัง ๆ ว่าทำไปได้นะหนังไทยบ้านเรา

เรามาเริ่มจากการโยนความสมจริง และตรรกะทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับหนังซอมบี้ที่เคยดูมาไปให้หมด ไม่ว่าจะเป็นการเทขาวสารลงพื้นแล้วซอมบี้เดินลื่น เอาน้ำมันพืชเทราดตัวซอมบี้จับไม่ได้ ซอมบี้ขับรถได้แต่เปิดประตูลงจากรถไม่ได้ ซอมบี้ยืนรอให้ตัวละครคุยกัน ตัวละครพอเห็นซอมบี้ยืนเต้นเพลงของศิริพร อำไพพงษ์แทนที่จะวิ่งหนีกับยืนเต้นไปด้วยเฉย คือรู้ว่ามันคือหนังตลกเราไม่ควรไปหาความสมจริงกับมัน เหมือนหนังซอมบี้ตลกชื่อดังอย่าง Shaun of the Dead รุ่งอรุณแห่งความวาย (ป่วง) ในปี 2004 ที่อันนั้นก็ตลก 5 บาท 10 บาทเหมือนกัน แต่อันนั้นจะมีชั้นเชิงกว่าในการคิดเนื้อเรื่องกับฉากตลก ต่างกับเรื่องนี้ที่ยัดเยียดมุกตลกที่ไม่ตลกลงไปมากเกิน จนแฟนซอมบี้ที่หลงมาดูต้องถอนหายใจรัว ๆ แทนที่จะไปสร้างแนวสมจริงดูจริงจังน่าติดตามแบบ 5 แพร่ง ตอน Backpackers กลับเอาเนื้อเรื่องซอมบี้และนักแสดงดี ๆ มาทำจนเสียหมด บอกเลยว่าน่าเสียดาย
และถ้าใครที่ดูตัวอย่างและเห็นซอมบี้เต้นเพลงของศิริพร อำไพพงษ์ แล้วคิดว่าทางเราจะตัดคะแนนในส่วนนี้ก็บอกเลยว่าเราไม่ตัด เพราะมันคือจุดขายและเป็นจุดอ่อนของซอมบี้แบบใน Train to Busan ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง ในปี 2016 ที่ซอมบี้จะแพ้แสงแดด กับ Kingdom ผีดิบคลั่งบัลลังก์เดือด ในปี 2021 ที่แพ้น้ำ เพราะคนอีสานมีเพลงของศิริพร อำไพพงษ์อยู่ในสายเลือดและจิตวิญญาณ พอได้ยินเพลงนี้ทุกคนต้องเต้น (อันนี้ไม่ขอฟันธงเพราะไม่ใช่คนอีสาน) อีกเรื่องที่ขอติก็คือความสัมพันธ์ของพระนางมันไปเร็วเกินไปหน่อย คือรู้ว่าน้องนางเอกน่ารักแต่เอ็งสองคนก็ชอบกันเร็วไปหน่อยนะ นี่ยังไม่นับการใส่ความดราม่าที่รู้ว่าแม่เป็นซอมบี้พ่อตุยไปแล้ว แต่เอ็งกะไม่ควรมายืนร้องไห้ควรวิ่งหนีเว้ยวิ่งซิเอ๋วิ่ง พอตัดมาอีกฉากนางลืมความเศร้ามาตะโกนบอกคนในงานบวช นี่ยังไม่นับตัวละครคนอื่นที่ดูยัดเยียดไม่ตลก แถมตอนที่วิ่งไปตรงโกดังท้ายห้างทำไมไม่ปีนขึ้นข้างบนมายืนคุยกันเพื่อ !!! ดูแล้วหงุดหงิด

ด่ามาเยอะงั้นขอชมบ้างอันนี้ต้องขอชมการแต่งหน้าและเหล่านักแสดงที่เป็นซอมบี้ในเรื่อง ทุกคนทำได้ดีมากทั้งสีหน้าท่าทางการขยับเหมือนซอมบี้ใน Kingdom (อันนี้ชมจริงไม่ได้ประชด) รวมถึงการใส่ Easter Egg จากหนังซอมบี้เรื่องต่าง ๆ ลงไป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของพระเอกที่เหมือนกับพระเอกใน Shaun of the Dead ซอมบี้หางเครื่องเหมือนใน ARMY of the DEAD แผนปล้นซอมบี้เดือด ปี 2021 การติดเชื้อผ่านมา 28 วันเหมือนใน 28 Days Later 28 วันให้หลังเชื้อเขมือบคน ในปี 2002 เรื่องราวดำเนินในห้างเหมือน Dawn of the Dead รุ่งอรุณแห่งความตาย ปี 2004 เรียกว่าใส่มาเพื่อเอาใจแฟนซอมบี้เลยทีเดียว แต่เชื่อเถอะว่าแฟนหนังซอมบี้ทุกคนที่ดูต่างสาปส่งเรื่องนี้

ถ้าคุณชอบหนังตลกดูเพลิน ๆ แบบถอดสมองดูไม่ต้องมานั่งจับผิดเรื่องนี้คือสิ่งที่คุณต้องการ แต่ถ้าคุณอยากดูหนังซอมบี้สนุก ๆ หรือดูเพราะมันเป็นซอมบี้บอกเลยว่าหนีไปไกล ๆ อย่ามาทนดูเพราะมันเสียเวลาแบบสุด ๆ และอีกหนึ่งเรื่องที่ขอบ่นก็คือการใส่ดราม่าปุ๊บตลกปั๊บลงไปพร้อม ๆ กัน คนดูจะปรับตัวไม่ทันเพราะซึ้งปุ๊บตลกปั๊บ ตลกปั๊บใส่ดราม่าปุ๊บอะไรแบบนั้น โดยรวมถือว่าสอบตกในทุกตรงทั้งของหนังซอมบี้และหนังตลก ยิ่งรู้ว่าบทภาพยนตร์ชนะรางวัลประกวด ยิ่งทำให้รู้เลยว่ามาตรฐานภาพยนตร์ซอมบี้ไทยยังล้าหลังอยู่มากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ มาถึงตรงนี้ก็ขอให้คะแนนที่ 4.6 คะแนน ให้คะแนนในส่วนของซอมบี้กับพระเอกนางเอกเล่นดีนอกนั้นตัดคะแนนรัว ๆ ลองไปดูเองแล้วจะรู้ว่าเราพูดถูกไหม